เมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 20 ก.ย.2559 ร.ต.อ.สานนท์ จันจินดา พนักงานสอบสวน ปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวร สภ.เมืองเพชรบูรณ์ ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุมีเรือซึ่งกำลังซ้อมเพื่อที่จะแข่งในงานประเพณีอุ้มพระดำน้ำ บริเวณหน้าวัดไตรภูมิ ต.ในเมือง อ.เมืองเพชรบูรณ์ฝีพายถูกกระแสน้ำพัดหายไปหลายคน จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและประสานไปยังมูลนิธิร่มโพธิ์เพชรบูรณ์นำอุปกรณ์ไปช่วยค้นหาจากนั้นจึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยหน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลเพชรบูรณ์

เรือพายล่ม

ที่เกิดเหตุเป็นแม่น้ำป่าสักบริเวณหน้าวัดไตรภูมิ ซึ่งเป็นที่ซ้อมและจัดแข่งพายเรือทวนน้ำในงานประเพณีอุ้มพระดำน้ำของจังหวัดเพชรบูรณ์ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 30 กันยายน – 4 ตุลาคม 2559 ซึ่งมีปริมาณน้ำสูงเกือบล้นตลิ่งและมีกระแสน้ำที่ลึกและเชี่ยวกรากโดยมีประชาชนจำนวนมากที่มาชมการซ้อมเรือดังกล่าว ส่วนเรือที่เกิดเหตุได้พัดลอยประกับกระแสน้ำและคาดว่าน่าจะจมลงสู่ก้นแม่น้ำป่าสักแล้วส่วนฝีพายบางส่วนได้ว่ายน้ำขึ้นฝั่งและมีอีกหลายรายกระแสน้ำได้พัดลอยหายไปกับสายน้ำโดยไม่ทราบว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร เนื่องจากขณะนั้นบรรยากาศค่อนข้างมืด และคาดว่าน่าจะมีฝีพายบางส่วนไปติดอยู่กับกอไผ่ด้านหลังวัดประตูดาว จึงได้ไปตั้งจุดสั่งการให้การช่วยเหลือบริเวณหลังวัดประตูดาว ซึ่งต่อมานายกฤษณ์ คงเมือง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ต.อ.ฐเดช กล่อมเกลี้ยง รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบูรณ์และนายเสกสรร นิยมเพ็ง นายกเทศมนตรีเมืองเพชรบูรณ์ มาอำนวยการในการค้นหาจากนั้นอาสาสมัครมูลนิธิร่มโพธิ์เพชรบูรณ์และอาสาสมัครร่วมกตัญญูจากทั่วทั้งจังหวัดได้นำเรือท้องแบนออกค้นหาแต่เป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจากกระแสน้ำไหลเชี่ยวแรงมากประกอบกับบริเวณดังกล่าวมืดมาก

จากการตรวจสอบพบว่าเป็นเรือขนาด30ฝีพายเป็นเรือแข่งของ มณีสายชล โดยมีฝีพายลงทำการซ้อมมีทั้งหมด25คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ทำการช่วยเหลือขึ้นมาได้อย่างปลอดภัยแล้วจำนวน23คนและยังสูญหายอีก2ราย จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่าเรือลำดังกล่าวได้ทำการซ้อมเพื่อที่จะทำการแข่งขันในงานประเพณีอุ้มพระดำน้ำ เมื่อซ้อมเสร็จกำลังจะนำเรือเข้าฝั่งแต่เรือได้ขวางทางน้ำที่ไหลเชียวหัวเรือกระแทกกับผนังกั้นแม่น้ำทำให้เรือขวางทางน้ำและถูกกระแสน้ำซัดจนล่ม คนที่อยู่ในเรือต่างว่ายน้ำเอาชีวิตรอดที่ไหลไปถึงท่าหลังวัดประตูดาวและได้เกาะกอไผ่ไว้จนเจ้าหน้าที่ที่นำเรือออกไปช่วย ล่าสุดการตรวจสอบพบว่าสูญหาย2รายคือนายอรรถพล พรมแสง (ตั้ม) อายุ23ปี อยู่บ้านเลขที่93หมู่4ต.สะเดียง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ และนายพิทยา ไผ่ทอง(บี) อายุ18ปี อยู่บ้านเลขที่144หมู่8 ต.สะเดียง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเรือลำดังกล่าวได้ซื้อมาจากจังหวัดน่านเป็นเรือที่ทำจากต้นตะเคียน ล่าสุดเมื่อเวลา 23.30 น.ได้พบเรือลำดังกล่าวติดอยู่กับต้นไม้ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตรแต่ยังไม่พบผู้สูญหายทั้ง 2 คน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน