เมื่อวันที่ 15 ม.ค. พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร เลขาธิการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานมอบสิ่งของพระราชทานเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แก่ผู้ประสบอุทกภัยพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช วันที่สาม จุดแรกมอบให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยในอำเภอชะอวดที่โรงเรียนขอนหาดประชาสรรค์ ซึ่งประชาชนได้รับผลกระทบ 11 ตำบล 87 หมู่บ้าน 20,100 ครัวเรือน 62,500 คน

จากนั้นเดินทางไปมอบสิ่งของพระราชทานให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย ที่ศาลาประชาคมอำเภอจุฬาภรณ์ ที่ได้รับผลกระทบทั้ง 6 ตำบล 30 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 7,300 ครัวเรือน 28,000 คน และมอบสิ่งของพระราชทานให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอร่อนพิบูลย์ ที่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 7 ซึ่งประชาชนได้รับผลกระทบ 6 ตำบล 57 หมู่บ้าน 11,952 ครัวเรือน 35,856 คน

โอกาสนี้ พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ นำความห่วงใยในในหลวงรัชกาลที่ 10 ที่ทรงมีต่อพสกนิกรที่ประสบอุทกภัยว่า พระองค์ทรงรับฟังรายงานความเดือดร้อนของพสกนิกรทุกวัน และทรงพระกรุณาโปรดให้นำสิ่งของพระราชทานแก่ผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย ดินโคนถล่มในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งทุกคนซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณกับพสกนิกรจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นอย่างยิ่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานในวันนี้ พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิญช์ ผบก.ภ.นครศณีธรรมราช พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบ.กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการที่เศษ 191 นำคณะเพื่อนนักเรียนนายร้อย รุ่น 47 ซึ่งได้ร่วมใจช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคใต้ โดยมีการลงพื้นที่แจกถุงยังชีพและน้ำดื่มมอบให้กับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมฝั่งคลองชะอวด ต.บ้านเนิน อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช

ซึ่งสภาพในหมู่บ้านของของฝั่งคลองดังกล่าวพบว่าถนนถูกน้ำท่วมสูง ยังไม่สามารถใช้รถยนต์ผ่านเข้าหมู่บ้านได้ โดยมีระดับน้ำสูงกว่าลำคลองกว่า 2 เมตร เส้นทางในหมู่บ้านมีท่วมขังเป็นระยะๆ ขณะที่บ้านเรือนนั้นจมอยู่ใต้น้ำ ชาวบ้านต้องใช้ชีวิตในน้ำ ใช้เรือเป็นพาหนะในการเดินทางเข้าออกหมู่บ้านมานานกว่า 2 สัปดาห์แล้ว ซึ่งแม้ระดับจะลดลงจากเดิม แต่ในหมู่บ้านรวมทั้งในพื้นที่ลุ่มต่ำ น้ำระบายลงอย่างช้าๆ

นอกจากนั้น พื้นที่โรงเรียนบ้านบางไทร ต.สวนหลวง อ.เฉลิมพระเกียรติ ที่ระดับน้ำในพื้นที่ยังสูงอยู่ระยะทางจากถนนเข้าโรงเรียนร่วม 4 กม.น้ำท่วมสูง 2 เมตร คณะตำรวจได้เดินทางด้วยเรือท้องแบนเข้าไป พร้อมลำเลียงถุงยังชีพไปแจกพี่น้องประชาชนที่พายเรือมารอรับความช่วยเหลือกว่า 200 ครอบครัว นอกจากนั้นยังพบว่ายังมีอีกหลายหมู่บ้านยังจมอยู่ใต้น้ำใน 3 อำเภอ คือ อ.เชียรใหญ่, เฉลิมพระเกียรติ และ อ.ปากพนัง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน