“บิ๊กแป๊ะ” กำชับตำรวจพัทยา เร่งล่าตัว หนุ่มสักคิ้ว หลังก่อเหตุลากเด็กหญิงวัย 14 ปี เข้าไป ข่มขืน ภายในเต็นท์ริมหาดจอมเทียน เผยรู้ตัวคนร้ายแล้ว อยู่ระหว่างรวบรวมหมายจับ ล่าตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากกรณี เด็กหญิงอายุ 14 ปี ถูกคนร้ายกระชากเข้าไปข่มขืนภายในเต็นท์ด้านหลังศูนย์บริการกีฬาทางน้ำ ริมชายหาดจอมเทียน ม.12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา หลังพยายามพูดจาหว่านล้อมแต่เหยื่อไม่ยอม จนลงมือก่อเหตุดังกล่าว ก่อนจะให้เงิน 40 บาท หลังกระทำชำเราเสร็จแล้ว ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น อ่านข่าว : ล่าหนุ่มสักคิ้ว! ลากเด็กหญิง14 เข้าเต็นท์ริมหาดพัทยา ข่มขืน โยนเงินให้ 40!

ข่มขืน / ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 พ.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีดังกล่าว ว่าได้รับรายงานจาก สภ.เมืองพัทยา ว่าจากการสอบสวนผู้เสียหายทราบว่า คนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 18 ปี มีรอยสักที่คิ้ว โดยมีพฤติการณ์เข้ามาชวนพูดคุยให้ไปนั่งเล่นด้วย โดยแจ้งว่าจะให้เงินกับผู้เสียหาย 500 บาท แต่ถูกผู้เสียหายปฏิเสธ

จากการสอบสวนทราบอีกว่า ก่อนที่คนร้ายจะกระชากผู้เสียหาย เข้าไปภายในเต็นท์นอนที่กางทิ้งไว้ ซึ่งผู้เสียหายพยายามขัดขืนแต่ก็ไม่สำเร็จ หลังจากผู้ก่อเหตุได้ลงมือข่มขืนเสร็จจึงปล่อยตัวออกมา แล้วผู้ก่อเหตุได้หลบหนีไป

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ บริเวณริมชายหาดจอมเทียนซึ่งมีแสงไฟส่องสว่างชัดเจน พบมีเรือเจ็ตสกีจอดอยู่ และพบเต็นท์กางนอนถูกรื้อพับซุกแอบไว้ใต้อุปกรณ์กีฬาหลังอาคารศูนย์บริการกีฬาทางน้ำ ซึ่งผู้เสียหายอ้างว่าถูกข่มขืนในเต็นท์ดังกล่าว จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นทำบันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุ ถ่ายภาพที่เกิดเหตุประกอบคดี วาดภาพที่เกิดเหตุพอสังเขป รวมถึงได้ส่งตัวผู้เสียหายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“โดยจากการที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดและและพนักงานสอบสวนสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุ และรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ทำให้ทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว ทั้งนี้ อยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับต่อไป” รอง โฆษก ตร. กล่าว

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า คดีนี้พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานไปแล้วหลายปาก กับทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ บริเวณใกล้เคียง และเส้นทางที่คนร้ายหลบหนี จนกระทั่งทราบถึงตัวผู้ก่อเหตุ ซึ่งขณะนี้ยังคงต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามจับกุมผู้กระทำผิดมารับโทษตามกฎหมาย

ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เร่งจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว พร้อมกำชับผู้บังคับบัญชาทุกพื้นที่ ในการกำหนดมาตรการ รวมถึงหาแนวทางในป้องกันอาชญากรรม โดยเฉพาะพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ทั้งการออกตรวจในพื้นที่สุ่มเสี่ยง การทำประวัติบุคคลเฝ้าระวัง เพื่อป้องกันอาชญากรรมที่เกิดขึ้น

แต่ถ้าหากเกิดเหตุขึ้นแล้ว จะต้องติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุมาได้โดยเร็ว และดำเนินการสืบสวนสอบสวนในทุกคดี ด้วยความถูกต้อง รวดเร็ว เป็นธรรม ตามหลักกฎหมาย อาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์หรือพยานหลักฐานที่ชี้ถึงตัวผู้กระทำความผิดเป็นสำคัญ เพื่อเยียวยาความเสียหาย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชนและสังคม

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน