รวบนักมวยดัง ร่วมแก๊งเพื่อน ปล้นทรัพย์-อุ้มขู่เรียกเงินโจ๋ อ้างแค่ตบสั่งสอน (คลิป)
รวบนักมวยดัง – กรณีเมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ทวีศักดิ์ ฤทธาคณานนท์ ผกก.สภ.สาขลา จับกุม นายภัทรวินฑ์ หรือ ฟร้อง เชาว์อยชัย อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/9 หมู่ที่ 2 แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กทม. และ นายชัชวาล หรือดำ นนกอ อายุ 23 ปี ชกนักมวยไทยชื่อ ล้ำเลิศ ศิษย์สรพิษ
พร้อมของกลาง มือถือที่ใช้ในการติดต่อ 2 เครื่อง รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า รุ่นเวฟ-ไอ สีน้ำเงิน-ดำ ทะเบียน ษมร 99 กทม. พาหนะนำมาก่อเหตุ รถเก๋งโตโยต้า ยาริส สีบรอนด์-เงิน ทะเบียน กข 9627 สมุทรสงคราม สร้อยคอ 1 เส้น พร้อมพระ 4 องค์ สร้อยข้อมือทองคำ 1 เส้น นาฬิกา 1 เรือน เสื้อผ้าที่คนร้ายทั้งสองสวมใส่ขณะก่อเหตุ เงินสด 10,500 บาท สมุดรับฝากเงิน 1 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม 1 ใบ
หลังรับแจ้ง จากนายเจตนิพัฒน์ โคจัน อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36/1 หมู่ที่ 5 ต.คลองตัน อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ว่าตน และนายพิพัฒน์ หรือดุ้ย สุนทรอำไพ อายุ 23 ปี ถูกคนร้าย 5 คน จำได้ 1 ใน 5 คือ นายฟร้อง หลอก ให้ขับรถเก๋ง โตโยต้า ยาริส ทะเบียน กข 9627 กทม. มารับที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ก่อนพาเข้ามาในซอยประชาอุทิศ 76 ม.2 ต.บ้านคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ
โดยมีวัยรุ่นอีก 4 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามมาห่างๆ เมื่อมาถึงที่เปลี่ยว นายภัทรวินฑ์ ที่นั่งมากับของตนและพวกอีก 4 คน ที่ขี่รถจักรยานยนต์ตามมา รุมทำร้ายร่างกายด้วยการชกต่อย แล้วบังคับให้ นายเจตนิพัฒน์ และนายพิพัฒน์ ส่งทรัพย์สินที่มีอยู่ในตัวมาให้หมด
เมื่อเอาทรัพย์สินได้ทั้งหมดแล้วทั้ง 5 คน ได้บังคับให้ผู้เสียหายทั้ง 2 นั่ง ไปกับรถยนต์ซึ่งมีนายภัทรวินฑ์ เป็นผู้ขับโดยมีวัยรุ่นอีก 1 คน ควบคุมภายในรถยนต์ และอีก 3 คน ขับรถจักรยานยนต์ตาม ก่อนจะบอกว่าจะนำตัวไปเพื่อเคลียร์หนี้เก่าค่ายาเสพติด
แต่ระหว่างทางนายเจตนิพัฒน์ กระโดดลงจากรถยนต์หลบหนี มาแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหามีชื่อจริงว่านายภัทรวินท์ และยังมีผู้ก่อเหตุอีกคนชื่อนายดำ มีบ้านพักอยู่แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กทม.
โดยในระหว่างสอบสวนอยู่นั้น นายภัทรวินฑ์ โทรศัพท์ผ่านเฟซบุ๊คมาหานายเจตนิพัฒน์ว่า หากอยากให้ปล่อยตัวนายพิพัฒน์ และรถยนต์คืนให้นำเงิน 200,000 บาท ที่ค้างค่ายาเสพติดโอนมาให้ โดยให้นำเงินสดไปฝากที่ตู้รับฝากเงิน จึงต่อรองด้วยเงินสด 60,000 บาท
จึงไปโอนเงินที่ตู้ฝากเงินของธนาคารกสิกรไทยหน้าห้างบิ๊กซี สาขาประชาอุทิศ แล้วโทรวีดีโอคอลมา ซึ่งผู้ต้องหาให้ถ่ายภาพโดยรอบตู้ฝากเงินก่อนแล้วทำการฝากเงิน จากนั้นได้ปล่อยตัวนายพิพัฒน์กลับไป ส่วนรถยนต์หากอยากได้ต้องหาเงินมาอีก 150,000 บาท
กระทั่งทางเจ้าหน้าที่สืบสวนว่าผู้ต้องหาพักอาศัยอยู่ที่ ถนนเอกชัย แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กทม. จึงร่วมกันติดตามจับกุมนายภัทรวินท์และนายชัชวาล พร้อมของกลางทั้งหมด ส่วนพวกที่เหลืออยู่ระหว่างหลบหนี
ส่วน นายชัชวาล เป็นอดีตนักมวย เคยขึ้นชกในรายการระดับประเทศของ ทรงชัย รัตนสุบรรณ หลายครั้งจนมีชื่อเสียง และเคยขึ้นชกบนเวทีระดับโลกในศึกคุนหลุ่นไฟต์ 3 ครั้ง เมื่อปี 2560
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตั้งข้อหาหนักทั้ง 2 คน 5 ข้อหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว หรือทำให้ปราศจากเสรีภาพ ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ร่วมกันเรียกค่าไถ่ ด้วยการหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นและปล้นทรัพย์
ต่อมาเวลา 10.30 น. วันที่ 17 พ.ย. พ.ต.อ.ทวีศักดิ์ ฤทธาคณานนท์ ผกก.สภ.สาขลา พร้อมด้วย ร.ต.อ.ทวีสิทธิ์ ชูศรี พนักงานสอบสวน พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน นำตัว นายภัทรวินฑ์ และ นายชัชวาล ไปทำแผนประกอบคำสารภาพ บริเวณริมถนนประชาอุทิศ 76 เรียบด่วนกาญจนาพิเศษมุ่งหน้าถนนประชาอุทิศ-บ้านคลองสวน หมู่ที่ 2 ต.บ้านคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ
ก่อนนำตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมก่อนส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งหลังจากทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำทีละคน
นายภัทรวินฑ์ ให้การปฎิเสธแต่ยอมรับว่ากักขังผู้เสียหายจริง แต่ไม่ยอมรับว่าเคยทำร้ายหรือปล้นเอาทรัพย์สินผู้เสียหายแต่อย่างใด เพียงแค่อยากจะได้เงินที่ผู้เสียหายยืมไปกลับคืนมาเท่านั้น
ส่วนนายชัชวาล ยอมรับสารภาพเพียงว่าได้ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจริง แต่ไม่เกี่ยวข้องกับการกักขัง ปล้นทรัพย์และอื่นๆ ตนทำไปแค่สั่งสอนเท่านั้น แต่ไม่ทราบว่าเรื่องจะบานปลายมาถึงขนาดนี้ อีกทั้งยังฝากขอโทษกับครูผู้ฝึกมวยและแฟนหมัดมวยที่ติดตามตนในครั้งนี้ด้วย
ด้าน พ.ต.อ.ทวีศักดิ์ กล่าวว่า คดีนี้เป็นเรื่องที่ซับซ้อนระหว่างผู้เสียหายและผู้ต้องหาทั้งหมดได้กำชับให้ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนนำพยานและหลักฐานเพิ่มเติมมาประกอบสำนวนคดี อีกทั้งเร่งสอบปากคำผู้เสียหายเพิ่ม ส่วนผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างหลบหนีอีก 3 คนนั้นพอจะรู้ตัวแล้วอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานและออกหมายจับต่อไป
