หงอยเป็นแมวป่วย! โจรห้าวควงมีด จี้ร้านทอง สิ้นท่าหน้าประตู เจอระบบล็อกอัตโนมัติ นั่งซึมรับชะตากรรม อ้างติดหนี้พนันออนลไน์จนหมดตัว
จี้ร้านทอง วันที่ 26 พ.ย. ร.ต.อ.สินสมุทร บุญทัศนา รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งเหตุมีคนร้ายถืออาวุธมีด หวังชิงทรัพย์ร้านทอง แต่ติดประตูอัตโนมัติ ถูกขังอยู่ในร้ห้างทองแม่จรินทร์ สาขา 2 เลขที่ 33/24 ตลาดเตาถ่าน หมู่ 8 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ชโลธร เปรมปรี ผกก.สภ.สัตหีบ พ.ต.ต.ธนา วิเศษชัย สว.สส.สภ.สัตหีบ ตำรวจชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.สัตหีบ
ที่เกิดเหตุภายในร้านทองดังกล่าว ซึ่งประตูถูกล็อกด้วยระบบอัตโนมัติ พบ นายธนา อินทร์สำราญ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82 หมู่ 11 ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นคนร้าย สวมไหมพรม นั่งขัดสมาธิอยู่ในร้าน ในสภาพติดอยู่ภายในร้านออกไปไหนไม่ได้ ใกล้กันพบมีดปลายแหลมที่ใช้ในการก่อเหตุ เจ้าหน้าที่จึงได้ปิดล้อมพื้นที่ไว้ และรอ นายรังสันต์ ธีรเวศย์สุวรรณ อายุ 59 ปี เจ้าของห้างทองมาเปิดประตูนิรภัย โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งในขณะนั้นมี น.ส.รุ่งนภา พานอ่อน อายุ 25 ปี พนักงานร้านทอง ได้วิ่งหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่หลังร้าน ซึ่งขณะเกิดเหตุกล้องวงจรปิดได้บันทึกภาพการก่อเหตุได้อย่างชัดเจน
จากการสอบถาม น.ส.รุ่งนภา กล่าวว่า คนร้ายได้สวมไหมพรมและถือมีดพุ่งตรงเข้ามาในร้าน ก่อนจะเอามีดชี้มาที่หน้าและบอกให้ตนส่งทองคำหนัก 5 บาทมาให้ ด้วยความกลัวจึงวิ่งหนีไปหลบที่หลังร้านและล็อกประตูทางเข้าหลังร้าน เพราะคิดว่าคนร้ายคงต้องถูกขังอยู่ในภายร้านอย่างแน่นอน เนื่องจากถ้าไม่กดเปิดประตูให้ก็จะออกไปไม่ได้ จะต้องติดอยู่ภายในร้านเนื่องจากเป็นระบบนิรภัยของทางร้าน ก่อนจะรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในทันที
พ.ต.อ.ชโลธร กล่าวว่า จากการสอบสวน นายธนา ทราบว่าได้ขี่ รถจยย.มาจอดบริเวณหลังร้านทอง เพื่อเตรียมก่อเหตุก่อนจะถือมีดสวมหมวกไหมพรม เสื้อแขนยาวกางเกงขายาว เพื่อปกปิดรูปพรรณของตน ป้องกันตำรวจติดตามจับกุมหลังก่อเหตุแต่ไม่คิดว่าร้านทองจะมีระบบประตูนิรภัย ก่อนถูกขังไว้ข้างใน ส่วนแรงจูงใจที่ให้ลงมือก่อเหตุเพราะต้องการหาเงินไปใช้หนี้สินเพื่อนที่ยืมมา เนื่องจากตนติดพนันออนไลน์ทำให้หมดตัว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหา พยายามชิงทรัพย์โดยมีอาวุธมีด, พกพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุสมควรหรือพาไปในชุมนุมชน ก่อนส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
