ตำรวจบุกจับ น้าแท้ๆ-เพื่อนบ้าน ใช้มีดจี้บังคับ ข่มขืน หลานสาววัย 13 ปี ป่วย ออทิสติก ประกาศกร้าวหากพ้นโทษจะกลับมาฆ่าทิ้งยกครัว พ่อสุดช้ำ ไม่คิดว่าคนในบ้านเดียวกันจะทำได้ลงคอ เผยพฤติกรรมเมายาคลั่งอาละวาดทำร้ายคนในบ้าน วอนลงโทษถึงที่สุด

เมื่อวันที่ 28 พ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ได้ทำการจับกุมตัว นายทวิพงษ์ หรือ ติ๊ก อายุ 37 ปี และ นายสุวิน หรือ น็อต อายุ 25 ปี ชาวบ้านน้ำใส ต.อิสาณ อ.เฉลิมพระเกียรติ หลังจาก น.ส.เมย์ (นามสมมติ) อายุ 22 ปี เดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ศักดิ์ชาย กิตติอุดมพันธ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เฉลิมพระเกียรติ ว่าผู้ต้องหาทั้งสองบังคับข่มขืน ด.ญ.เอ (นามสมมติ) น้องสาววัย 13 ปี ซึ่งป่วยเป็นออทิสติก เมื่อช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา โดยนายสุวิน เป็นน้าชายแท้ๆ ของผู้เสียหาย ส่วนนายทวิพงษ์ เป็นเพื่อนบ้าน

จากการสอบสวน นายทวิพงษ์ ยอมรับสารภาพว่า ได้ลงมือก่อเหตุข่มขืนด.ญ.เอจริง ทั้งหมด 3 ครั้ง โดยอ้างว่า ที่ก่อเหตุเพราะความเมาจึงเกิดอารมณ์ทางเพศ ส่วนนายสุวิน ยังให้การปฏิเสธ ทางตำรวจจึงนำตัวนายทวิพงษ์ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านของผู้ต้องหาเอง และได้ควบคุมตัวนายสุวินไว้ดำเนินการตามกฎหมาย เพราะมั่นใจในพยานหลักฐาน ประกอบกับนายทวิพงษ์ให้การซัดทอดว่า นายสุวินเคยเล่าให้ตนเองฟังว่า เคยลงมือข่มขืน ด.ญ.เอ จริง

จากการสอบถาม ด.ญ.เอ ผู้เสียหาย กล่าวว่า ครั้งแรกที่ถูกนายสุวินข่มขืนกระทำชำเราคือเมื่อช่วงกลางเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา โดยวันเกิดเหตุนายสุวินอยู่บ้านคนเดียว พ่อไปทำงานต่างจังหวัด ส่วนยาย พี่ชาย และพี่สาว ได้ย้ายไปอยู่บ้านญาติอีกหมู่บ้านหนึ่ง เนื่องจากกลัวนายสุวินจะทำร้ายเพราะติดยาเสพติดและชอบอาละวาด

“ขณะที่หนูกลับมาเอารองเท้าที่บ้าน น้าได้ใช้มีดจี้ที่เอวแล้วบังคับให้เดินเข้าไปในห้อง พร้อมบังคับให้ถอดเสื้อผ้าแล้วลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ ด้วยความกลัวจึงไม่กล้าขัดขืน และไม่กล้าไปบอกใคร” ผู้เสียหายวัย 13 ปี กล่าว

ด.ญ.เอ กล่าวต่อว่า จากนั้น ช่วงกลางเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ตนปั่นจักรยานไปเล่นในหมู่บ้านตามปกติ แต่ขณะปั่นผ่านหน้าบ้านนายทวิพงษ์ ก็ออกมายืนขวางรถจักรยานแล้วบังคับให้เข้าไปในบ้าน แล้วใช้กำลังบังคับข่มขืน หลังข่มขืนเสร็จนายทวิพงษ์ก็ให้เงิน 200 บาท ก่อนที่ตนจะปั่นจักรยานกลับบ้าน แต่ไม่กล้านำเรื่องไปบอกใคร เพราะกลัวจะถูกทำร้าย กระทั่ง พี่สาวมาเค้นถามเมื่อ 2 วันก่อน ตนจึงตัดสินใจบอกความจริง

ด้าน น.ส.เมย์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา ตนเห็นน้องสาวมีอาการผิดปกติ จึงเค้นถามน้องว่าเกิดอะไรขึ้น จนน้องสาวยอมเล่าให้ฟังว่าถูกนายสุวิน ซึ่งเป็นน้าชายแท้ๆ ใช้มีดจี้บังคับข่มขืนขณะน้องกลับมาเอารองเท้าที่บ้าน และได้ถูกนายทวิพงษ์ใช้กำลังข่มขืนอีกหลายครั้ง ก็รู้สึกตกใจมากเพราะไม่คิดว่านายสุวิน ซึ่งเป็นน้าชายแท้ๆ ที่อาศัยในบ้านและกินข้าวหม้อเดียวกัน จะทำกับน้องสาวที่ป่วยเป็นออทิสติกได้ลงคอ จึงอยากให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ต้องหาทั้งสองให้ถึงที่สุด

ขณะที่ นายบุญเพ็ง (ขอสงวนนามสกุล) ผู้เป็นพ่อ กล่าวว่า ตนรู้สึกเสียใจมาก ไม่คิดว่าคนในครอบครัวเดียวกันและเพื่อนบ้านใกล้ชิด จะมาทำกับลูกสาวของตนที่ป่วยเป็นออทิสติกได้ลงคอ หัวอกคนเป็นพ่อรับไม่ได้ ที่ผ่านมา ครอบครัวก็เอือมระอากับพฤติกรรมของนายสุวินมาตลอด เพราะนอกจากจะไม่ทำงานแล้วยังติดเสพยาเสพติด แล้วเกิดอาการคลุ้มคลั่งอาละวาดคนในบ้าน

“ทั้งยังทำร้ายร่างกายภรรยาตนเองหลายครั้ง จนต้องให้ยาย และลูกๆ ย้ายไปอยู่บ้านญาติเพื่อความปลอดภัย ที่ผ่านมาก็แจ้งตำรวจจับดำเนินคดีแล้วหลายครั้ง แต่พอออกมาก็มีพฤติกรรมเดิมๆ ซ้ำอีกไม่เข็ดหลาบ และล่าสุดตอนที่เจ้าหน้าที่มาจับกุมที่ก่อเหตุข่มขืนลูกสาว ยังขู่อาฆาตว่าหากพ้นโทษออกมาจะฆ่าให้ตายทั้งบ้าน ซึ่งครอบครัวก็กลัวจะไม่ปลอดภัย” พ่อผู้เสียหาย กล่าว

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองไว้ดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเบื้องต้นได้แจ้งข้อหา “พราก พา เด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครอง, กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งมิใช่ภรรยาของตนโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน