เปิดตำนาน ดอยม่อนอังเกตุ จ.เชียงใหม่ เผยขอพรศาล “แม่นางอังเกตุ” มักสัมฤทธิ์ผล ชวนนักท่องเที่ยวขึ้นดอยกางเต็นท์ สัมผัสอากาศหนาว ชมแสงพระอาทิตย์ยามเช้า วิว 360 องศา และสัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้าน

เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. นายบุญฤทธิ์ รังษี ประธานชมรมคนรักษ์ป่าเชียงใหม่ 4×4 แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ดอยม่อนอังเกตุ ซึ่งสถานที่แห่งนี้ มีความสูง 1,840 เมตรจากระดับน้ำทะเล วิวสวยๆบนยอดดอย สามารถชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตกได้อย่างสวยงาม นอกจากนี้ ยังสามารถมองวิวสวยงามได้ได้ 360 องศาฯ ซึ่งอยู่บนจุดสูงสุดของยอดดอยม่อนอังเกตุ

บนยอดดอยม่อนอังเกตุ ยังมองเห็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าลีซอ และเผ่ากะเหรี่ยง ผืนป่าฝั่ง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน อ.แม่แจ่ม, อ.แม่แตง, ห้วยจ้อ, ห้วยน้ำดัง, ดอยหลวงเชียงดาว และดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ ที่สำคัญที่ม่อนอังเกตุ จะมีทะเลหมอกให้ชมตลอดในช่วงฤดูหนาวท่ามกลางทิวสนในฤดูหนาวยามเช้า

ทั้งนี้ ก่อนถึงยอดดอยยังมีพื้นที่ป่าสนให้นอนกางเต็นท์ชมดาวบนดินในช่วงกลางคืน และมีห้องน้ำบริการให้นักท่องเที่ยวด้วย แนะนำนักท่องเที่ยวหากขึ้นไปกางเต็นท์ขอให้นำผ้าใบไปทำหลังคาในการทำกิจกรรมต่างๆ เพราะยอดดอยแห่งนี้เมื่อเกิดเมฆลอยมา จะมีเม็ดฝนตกลงมาเป็นช่วงๆ

โดยจุดกางเต็นท์จะอยู่ใกล้บริเวณหน่วยจัดการต้นน้ำ (ดงสน) อยู่ห่างจากยอดดอยม่อนอังเกตุประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งลานกางเต็นท์แห่งนี้มีความงดงาม ร่มรื่นของป่าสนอายุหลายสิบปี

สำหรับดอยม่อนอังเกตุ อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสะเมิง พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าสะเมิง อยู่ในท้องที่ ต.ยั้งเมิน ต.แม่สาบ และ ต.สะเมิงเหนือ อ.สะเมิง จุดชมวิวดอยม่อนเกตุถือว่ามีความสงยงามมากอีกแห่งหนึ่งของ จ.เชียงใหม่

จากเรื่องเล่าสืบต่อกันมา ประวัติดอยม่อนอังเกตุ คือ มีแม่นางท่านหนึ่ง นามว่า “อังเกตุ” เป็นหญิงชั้นสูงในวัง มีพระบิดาเป็น “พ่อพญา” ที่มีนิสัยชอบทำลายต่อหลวง หรือ “พญาต่อ” จึงเป็นศัตรูกันมาตลอด ต่อหลวงพอรู้ว่าพ่อพญารักแม่นางอังเกตุ ลูกสาวคนนี้มาก จึงคิดอุบายคาบแม่นางออกจากวัง นำมาทิ้งไว้ที่ม่อนแห่งนี้

พ่อพญาออกตามหาจนเจอ หมายจะรับลูกสาวกลับเวียงวัง แต่แม่นางไม่ยอมกลับ นางอังเกตุบอกว่า จะขออยู่ใช้กรรมให้หมดสิ้นบนนี้ พ่อพญาจึงจัดส่งช้าง เสือ แม่นม และองครักษ์คู่ใจมาดูแล สุดท้ายแม่นางกำชับว่าหากสิ้นบุญแล้วก็ให้ฝังร่างของนางไว้ที่นี่

เมื่อถึงคราวสิ้นบุญ ร่างของแม่นางจึงถูกฝังไว้บนม่อนแห่งนี้ตามปรารถนา ชาวบ้านท้องถิ่นจึงได้นำชื่อของแม่นางอังเกตุ มาตั้งเป็นชื่อม่อน นามว่า “ม่อนอังเกตุ” พร้อมกันนั้นก็ได้สร้างศาลเจ้าแม่อังเกตุ ไว้เพื่อเป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านตราบจนกระทั่งปัจจุบัน และหากท่านใดมาขอพรที่ศาลมักสัมฤทธิ์ผล

ส่วนการเดินทางไปยอดดอยม่อนอังเกตุ ออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ ไปตามถนนหลวงหมายเลข 107 (เชียงใหม่-ฝาง) ประมาณ 37 กิโลเมตร ถึงตลาดแม่มาลัยให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 1095 ประมาณ 30 กิโลเมตร จะมีป้ายบอกทางไปเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าปางขุม จากนั้นจะเป็นเส้นทางเข้าหมู่บ้าน มีถนนที่พัฒนากว้างขึ้นแล้ว แต่บางช่วงก็ยังมีถนนลูกรังบางช่วงลาดชันไปจนถึงดอยม่อนอังเกตุรวมระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร

ในช่วงการเดินทาง สองข้างทางจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวบ้านในการประกอบอาชีพทางการเกษตร หลังจากฤดูทำนา เก็บเกี่ยวข้างแล้วก็จะมีการปลูกหอมกระเทียมและพื้นผักตาอื่นๆ และที่ขึ้นชื่อคือ สวนสตรอเบอรี่ ชาวบ้านที่นี้จะปลูกจำนวนมาก ส่งขายทั่วประเทศอีกด้วย วันว่างๆหาโอกาศเดินทางไปเที่ยวกัน “ดอยม่อนอังเกตุ วิวสวย 360 องศาฯ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน