191 แถลง ผลระดมกวาดล้าง ตามยุทธการ “ทวงปืนจากรังโจร” จับคดีอาชญากรรมน่าสนใจ รวม 4 คดี ทั้งปืน-ยาเสพติดอื้อ

191 / เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 21 ธ.ค. ที่ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 (บก.สปพ.) พล.ต.ต.สำราญ นวลมา ผบก.สปพ. พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมบูรณ์ เทียนขาว ผกก.สายตรวจ สปพ. เจ้าหน้าที่สายตรวจ 191 และ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ง.

ร่วมกันแถลงผลระดมกวาดล้างคดีอาชญากรรม โดยคดีแถลงผลปฏิบัติยุทธการ “ทวงปืนจากรังโจร” จับกุมผู้ลอบขายอาวุธปืนผ่านเฟซบุ๊กและไลน์ ในช่วงระหว่างวันที่ 19-21 ธันวาคม 61 สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด 16 ราย ยึดอาวุธปืนสั้นและยาว รวม 22 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนรวม 206 นัด

พล.ต.ต.สำราญ กล่าวว่า ในการจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ. ได้ทำการสืบสวนขยายผล ผู้ต้องหาลอบผลิตอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ พร้อมเครื่องกระสุนจำหน่ายให้กับบุคคลทั่วไป ผ่านทางเฟซบุ๊ก จนเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ที่ผ่านมา

เจ้าหน้าที่นำหมายค้นศาลจังหวัดอุบลราชธานี ที่ ค.499/2561 ลงวันที่ 18 ธ.ค.61 เข้าตรวจค้นบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.เมือง จ.อุบลราชธานี พร้อมจับกุมนายมูฮัมหมัด พรมทา อายุ 43 ปีเจ้าของเพจและกลุ่มไลน์ขายปืน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2804/2561 ข้อหา ครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต

จากการตรวจค้นภายในห้องนอน พบกับอาวุธปืนสั้นไทยประดิษฐ์ขนาด 9 ม.ม. และซองกระสุนปืน สอบสวนผู้ต้องให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุบลฯ และจากการสืบสวนขยายผล ทราบว่าผู้ที่ขายปืนให้นายมูฮัมหมัด คือ นายทรงคุณ หิมะคุณ อายุ 41 ปี

ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวได้พร้อมอาวุธปืนของกลางภายในรถรวม 4 กระบอก ขณะที่กำลังขับรถกระบะมิตซูบิชิ สีดำ กลับเข้าบ้านพักในจังหวัดอุบลราชธานี ก่อนเข้าตรวจค้นบ้านพักและพบอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนอีกหลายรายการ

จากการสอบสวนนายทรงคุณ ทราบว่า เป็นคนชอบเล่นปืน โดยอาวุธปืนยาว ที่ตรวจยึดได้บนรถพบเป็นอาวุธปืนบีบีกันดัดแปลง ขนาด.22 บางกระบอกมีใบทะเบียนถูกต้อง ส่วนการตรวจค้นที่สนามหลังบ้านยังพบว่าดัดแปลงเป็นสนามซ้อมยิงปืนอีกด้วย

ทั้งนี้ภายหลังการขยายผลจับกุม 2 ผู้ต้องหาที่เป็นผู้จำหน่ายอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนแล้ว สามารถจับกุมผู้ซื้ออาวุธดังกล่าวได้รวม 13 ราย สำหรับอาวุธปืนที่ตรวจยึดได้ จะนำไปตรวจสอบว่าเคยนำไปใช้ก่อเหตุอาชญากรรมมาหรือไม่ต่อไป

อ้างผู้จัดดังตุ๋นลงทุนจัดซื้อผ้าดารา

สำหรับคดีที่ 2 พล.ต.ต.สำราญ นวลมา ผบก.สปพ. พร้อมด้วยพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รอง ผบก.สปพ. พ.ต.อ.สมบูรณ์ เทียนขาว ผกก.สายตรวจ บก.สปพ. พ.ต.ต.จักรกริช เวียงสมุทร สว.งานสายตรวจ 2 และตำรวจบก.สปพ. ร่วมกันจับกุม นางสาว เอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลเยาวชนและครอบครัวกลางมีนบุรี ที่ จ.28/2561 ลงวันที่ 3 ต.ค.61

ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ หลังแอบอ้างคนดังในวงการบันเทิง หลอกร่วมลงทุนจัดซื้อผ้าดาราและตัวประกอบกองถ่ายละครมูลค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท โดยจับกุมได้ที่ บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 18 /183 ม.เมืองทรัพย์ธานี ซ.เลียบคลองสอง 25 แขวงคลองสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ

พล.ต.ต.สำราญกล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 ส.ค. 2561 มีกลุ่มผู้เสียหายรวมตัวกันร้องเพจชื่อดัง ว่าถูกกลุ่มของ น.ส.รสกมล (สงวนนามสกุล) ซึ่งทำหน้าที่หลอกผู้เสียหายกลุ่มนี้ว่าเป็นคณะทีมงาน ไก่ วรายุทธ เป็นดาราผู้จัดละครดัง โดยน.ส.รสกมลอ้างว่ามีการลงทุนและต้องการซื้อผ้าดาราและตัวประกอบกองถ่ายละครนำเสื้อผ้ามาใส่เพื่อแสดงละคร

โดยจะได้กำไรจากช่องที่นำละครไปถ่ายออกอากาศ และได้ค่าโฆษณาซึ่งจะได้เงินปันผลกำไรดี ทางผู้เสียหายได้บอกว่า กลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวมีตัวการหลักด้วยกัน 3 คน โดยน.ส.รสกมล ทำหน้าที่เป็นผู้คุยและแอบอ้างสร้างเรื่อง ต่อกลุ่มผู้เสียหายโดยตรง ส่วนน.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปีที่ถูกจับกุม ซึ่งเป็นบุตรสาวของ น.ส.รสกมล ทำหน้าที่หลอกผู้เสียหาย สร้างเรื่องตามคำสั่งของแม่ เพื่อให้ผู้เสียหายนำเงินมาให้

จากนั้นก็นำเงินดังกล่าวไปให้แม่ ทำให้กลุ่มผู้เสียหายได้รวมตัวกัน นำหลักฐานยอดเงินรวมๆกัน มีมูลค่ากว่า 50 ล้านบาทไปแจ้งความ เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่ม ของน.ส.รสกมล ต่อพนักงานสอบ สน.บางชัน ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่บก.สปพ. จะร่วมกับตร.สน.บางชันนำกำลังเข้าตรวจค้นจับกุมผู้ต้อง

โดย น.ส.รสกมล ที่เป็นตัวการหลัก สามารถหลบหนีการจับกุมไปได้ ทางชุดสืบสวนงานสายตรวจ 2 ได้รวบรวมข้อมูล และประสานงานกลุ่มผู้เสียหายเพิ่มเติม เพื่อติดตามการจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีต่อไป

หลอกเล่นแชร์ สูญ 30 ล้าน

คดีที่ 3 จับกุม น.ส.สมฤทัย ฉิมพาลี น.ส.โสธิดา ฉิมพาลี และ นายสิทธิโชค พรมประสิทธ์ ผู้ต้องหาหลอกลวงร่วมลงทุน วงแชร์ ทางเฟซบุ๊ก โดยจับกุมได้ที่จังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2561 ทั้งนี้มีผู้เสียหาย ประมาณ 100 คน รวมมูลค่าความเสียหาย กว่า 30 ล้านบาท

คดีที่ 4 จับกุมนายวัน สัญชาติลาว อายุ 31 ปี นายอนุชา หรือหน่อ พิลาพักตร์ อายุ 35 ปี นายณรงค์ศักดิ์ หรือรงค์ มาลาศรี อายุ 24 ปี พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้า) ยี่ห้อ Y1 จำนวน 83 มัด รวมประมาณ 166,000 เม็ด

รถยนต์นั่งส่วนบุคคล สีบรอนซ์เงิน ยี่ห้อ BYD รุ่น G3 หมายเลขทะเบียน กข 3171 สะหวันนะเขต รถยนต์กระบะ สีดำ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว่ หมายเลขทะเบียน กจ 3130 มุกดาหาร โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง โดยจับกุมได้ที่ อ.วังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

นอกจากนี้พล.ต.ต.สำราญ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่าจากการระดมกวาดล้างทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ บก.สปพ.ยังสามารถจับกุมผู้จำหน่ายใบกระท่อมในพื้นที่ สภ.บางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ โดยจับกุมได้พร้อมยาแก้ไอ ใส่ถุงเตรียมจำหน่าย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขยายผล

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน