ผู้ว่าฯ ยันเด็กไม่อยู่ในพื้นที่ ให้น้ำหนัก ถูกลักพาตัว ชาวบ้านได้กลิ่นเหม็นเน่าใน ไร่อ้อย

ไร่อ้อย – จากกรณีการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของ ด.ช.ซูลุยผิว อายุ 2 ขวบ ลูกของนายผิว และนางมอ แรงงานชาวเมียนมา ที่เดินทางมาเพื่อหางานทำในเขตพื้นที่ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี และหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค. ขณะไปเดินเล่นริมถนนในหมู่บ้านสุวรรณวัฒน์ หมู่ 9 ต.สระพังลาน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี แล้วหายตัวไป หลังได้รับแจ้งซึ่งวันนี้เป็นวันที่ 8 จากการหายตัวไป เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงชาวบ้านในพื้นที่ ได้ระดมกำลัง กระจายกำลังค้นหน้าทั่วบริเวณพื้นที่ ส่วนใหญ่เป็นไร่อ้อยพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ ทั้งมีการนำสุนัขทหารมาช่วยออกตาม เบื้องต้นยังไม่พบร่องรอย

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 ธ.ค. นายนิมิต วันไชยธนวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมด้วย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.ตชด. นายเสกสรร ถนอมกิติ นายอำเภออู่ทอง พ.ต.อ.รณกร ประคองศรี ผกก.สภ.สระยายโสม พ.อ.กุญช์ภัสร์ หาญสมบูรณ์ เสธ.กกล.รส.มทบ.17 ทหาร มทบ.17 เจ้าหน้าที่มูลนิธิกระจกเงา ตำรวจชุดสืบสวน พร้อมด้วยหัวหน้าทีมชุดกู้ภัยจากทุกหน่วยที่เข้ามาร่วมค้นหาทั้งหมด ได้ประชุมหารือเพื่อประมวลและสรุปความคืบหน้าของการค้นหาในพื้นที่ พร้อมเปิดโต๊ะแถลงข่าว

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

นายนิมิต กล่าวว่า ขณะนี้จะให้ความสำคัญแต่ละประเด็นต่างกัน โดยเฉพาะประเด็นเด็กผลัดหลงในไร่อ้อย ซึ่งค้นหากันมากว่า 8 วัน ทุกฝ่ายที่ร่วมกันค้นได้ยืนยันว่ามีการตรวจค้นทุกตารางนิ้วโดยละเอียดทุกวัน พร้อมมีการขยายพื้นที่การตรวจค้น และยังมีการตรวจซ้ำพื้นที่ต้องสงสัยประมาณ 1 พันไร่ ในส่วนของบ่อน้ำทั้ง 5 บ่อจากการใช้นักประดาน้ำงมหา ทำให้เชื่อได้ว่าถ้าเด็กตกไปในบ่อจะต้องเจออย่างแน่นอน แม้จะใช้อุปกรณ์โซน่ามาสแกนในพื้นที่ทั้ง 5 บ่ออีกครั้ง จึงสรุปได้ว่าทั้งในพื้นที่ไร่อ้อยและบ่อน้ำได้ตรวจอย่างละเอียดแล้วแต่ไม่พบเด็ก เพราะฉะนั้นประเด็นเด็กผลัดหลงในไร่อ้อย จึงสรุปได้ว่าเด็กไม่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว

นายนิมิต กล่าวต่อว่าเวลา 13.00 น. วันเดียวกันได้ระดมกำลังที่อยู่ทั้งหมดไปตรวจสอบโดยรอบกันอีกครั้ง ก่อนที่จะสรุปสถานการณ์ว่า เป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่เด็กไม่ได้อยู่ในพื้นที่แล้ว จะได้ไปให้ความสำคัญกับการทำงานด้านการสืบสวนสอบสวนในประเด็นต่อไป ว่าเด็กอาจะถูกลักพาตัวไป เนื่องจากว่าพยานเท่าที่คุยได้ทราบว่ามีคนจูงมือเด็กไป ซึ่งต้องเรื่องของการสืบสวนของทางตำรวจ จึงให้น้ำหนักไปที่การลักพาตัว ในส่วนของกรณีที่จะเป็นคดีอาญา ในส่วนที่เด็กอาจถูกกระทำให้เสียชีวิตในส่วนตรงนี้ ยังให้ความสำคัญ จึงพยายามสืบสวนสอบสวนให้ได้ข้อเท็จจริงในส่วนของผู้ที่เกี่ยวข้อง แต่เนื่องจากว่าคดีนี้มีพยานเป็นเด็กอายุ 3 ขวบและเป็นชาวพม่า การขอข้อมูลจึงต้องใช้เวลา

“โดยในวันพรุ่งนี้จะย้ายฐานการปฏิบัติการสนามในพื้นที่ไร่อ้อย มาที่ สภ.สระยายโสม และจะมอบให้ภารกิจให้นายอำเภออู่ทอง และ ผกก.สภ.สระยายโสม ในการที่จะเข้าตรวจสอบบริเวณพื้นที่นั้นอีก แต่รูปแบบการตรวจสอบคงจะไม่ใช่เป็นการเดินเท้าหาอย่างเช่นทุกวัน แต่จะเป็นการเข้าไปสืบสวนสอบสวน พูดคุยกับกลุ่มบุคคลในพื้นที่”

นอกจากนี้นายลายทองเหรียญ มีพัน หัวหน้าวังช้างอยุธยาและเพนียด ได้นำช้างจำนวน 4 เชือกเดินทางมาร่วมค้นหาอีกด้วย

ส่วนอีกจุดหนึ่งในไร่อ้อยได้มีชาวบ้านได้กลิ่นเหม็นเน่า เจ้าหน้าที่จึงนำสุนัขเข้ามาดม แต่ต้องใช้เวลา เนื่องจากไร่อ้อยมีความกว้างและลมเปลี่ยนทิศทางบ่อย จึงไม่สามารถหาจุดที่ได้กลิ่นเหม็น นอกจากนี้ชาวเมียนมาได้กล่าวขอบคุณชาวไทยที่ให้ความช่วยเหลือในการค้นหาโดยไม่มีความย่อท้อ แม้จะใช้เวลานานหลายวัน และยังคิดว่าเด็กอาจอยู่ในที่ใดที่หนึ่งก็เป็นได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน