ถ้าไม่ไปรักษาตา ก็ไม่รู้ว่ากลายเป็น คนพิการ สาวแพร่แสนฉงน เป็นตอนไหน?

ถ้าไม่ไปรักษาตา ก็ไม่รู้ว่ากลายเป็น คนพิการ สาวแพร่แสนฉงน เป็นตอนไหน? หลังโรงพยาบาลเรียกหาหลักฐานสิทธิ์คนพิการ ยันไม่เคยเป็นคนพิการ และไม่เคยได้รับเงินแต่อย่างใด เชื่อโดนสวมสิทธิ์

คนพิการ วันที่ 26 ธ.ค. นางแดง เงี้ยวแปง อายุ 43 ปี ชาวบ้านม่วงคำ หมู่ 1 ต.สรอย อ.วังชิ้น จ.แพร่ ได้เข้าร้องต่อผู้สื่อข่าว ตนเป็นชาวบ้านม่วงคำ มีร่างกายปกติสมบูรณ์ดี แต่กลายเป็นผู้พิการในหลักฐานของโรงพยาบาล นางแดงกล่าวว่า ตนมาทราบว่าตนเป็นผู้พิการเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตนมีอาการเจ็บตารุนแรง ได้ไปรักษาที่โรงพยาบาลกลาง กทม.

หลังการรักษาแล้ว แพทย์เรียกหาหลักฐานสิทธิ์ในการให้บริการที่ระบุไว้กับระบบหลักประกันสุขภาพ สปสช. คือ เป็นผู้พิการในประเภทสิทธิย่อย จากสิทธิ์หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งตนอยู่ในหน่วยบริการปฐมภูมิ รพ.สต.ม่วงคำ ต.สรอย โรงพยาบาลกลาง กทม. ต้องการบัตรประจำตัวผู้พิการเป็นเครื่องยืนยันในการชำระเงิน จำนวนกว่า 40,000 บาทในการรักษาต้อ แต่ตนไม่มีให้ และไม่ได้เป็นผู้พิการแต่อย่างใด

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่

จากนั้นตนได้เข้าร้องเรียนขอให้มีการตรวจสอบสถานการณ์เป็นผู้พิการขอตนเองที่ อบต.สรอย โดยได้ทำหนังสือร้องถึงนายก อบต.สรอย ว่าขอตรวจสอบสถานะบุคคลของตน เพราะเมื่อไปรักษาดวงตาเนื่องจากเป็นต้อกระจก ที่โรงพยาบาลกลาง กทม. ปรากฏว่า ในหลักฐานการให้สวัสดิการสุขภาพ สิทธิย่อยเป็นผู้พิการ

ขอยืนยันว่า ตนมิได้เป็นคนพิการแต่อย่างใด และไม่เคยได้รับเบี้ยยังชีพผู้พิการ หรือ สวัสดิการในฐานะคนพิการใดใด จึงข้อให้ อบต. ตรวจสอบเพราะเกรงว่า หลักฐานดังกล่าวอาจมีการสวมสิทธิ์ใช้งบประมาณของรัฐโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยเกรงว่าตนจะเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเสียเอง จึงได้ขอให้ อบต.สรอย เร่งตรวจสอบหาข้อเท็จจริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางแดง ต้องการให้มีการตรวจสอบการใช้ชื่อชาวบ้านไปใส่ในการรับสวัสดิการของรัฐเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะผู้พิการมีการช่วยเหลือหลายระดับ รวมทั้งเบี้ยยังชีพ แต่ตนไม่ได้รับและไม่รู้เรื่องเลย การเป็นผู้พิการตามหลักฐานของโรงพยาบาล ต้องมีการจ่ายเบี้ยยังชีพแล้วใครเป็นผู้รับเงินไป ขอให้ทางการเร่งตรวจสอบสิทธิดังกล่าวโดยเร่งด่วน