จากกรณีชายวัยรุ่น 2 คนขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นบริเวณหน้าร้านเกมอินไซด์ เลขที่ 108 ซอยระนองธานี 8 ต.เขานิเวศน์ อ.เมือง จ.ระนอง ทำให้นายวีระกรานต์ ขุนสมุทร อายุ 15 ปี ถูกกระสุนปืนเข้าบริเวณลำคอเสียชีวิต ส่วนวันรุ่นชายอีกคนกระสุนถากใบหูและศีรษะได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดเมื่อเวลา 22.00 น.วันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าคดีนี้ เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ที่สภ.เมืองระนอง จ.ระนอง ตำรวจชุดสืบสวนได้นำตัวกลุ่มวัยรุ่นต้องสงสัยกว่า 10 คนมาทำการซักถาม และส่งตัวไปตรวจคราบเขม่าดินปืนที่กองพิสูจน์หลักฐาน จว.ระนอง หลังตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าร้านเกมที่เกิดเหตุแล้ว พบว่าก่อนเกิดเหตุกลุ่มผู้เสียชีวิต 4 คนนั่งและยืนจับกลุ่มพูดคุยกันอยู่ จากนั้นคนร้ายเป็นชาย 2 คน ขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ผ่านมา โดยคนขับสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ส่วนคนซ้อนท้ายใส่หมวกแก๊ปสีดำ มีตัวอักษรสีขาวอยู่ด้านหน้าหมวก เป็นคนใช้อาวุธปืนลูกซองยิงเข้าใส่ 1 นัดแล้วหลบหนีไป
ส่วนที่ศาลา 1 วัดอุปนันทาราม ต.เขานิเวศน์ อ.เมือง จ.ระนอง นายสากล ขุนสมุทร อายุ 37 ปีพร้อมครอบครัวได้เดินทางไปรับศพนายวีระกรานต์ ลูกชายมาตั้งบำเพ็ญกุศล ท่ามกลางความโศกเศร้า โดยนายสากล เปิดเผยว่า น้องปืนจากไปไวเกินไม่คิดว่าจะไปไวขนาดนี้ ตอนเช้ายังคุยยังด่าเขาอยู่เลย จู่ๆก็ไปโดยไม่ได้ลาเลย อุปนิสัยส่วนตัวน้องเค้าจะฟังและกลัวพ่อ แต่กับคนอื่นจะไม่กลัวและไม่ฟังเท่าไหร่ เมื่อก่อนสมัยวัยรุ่น 11-12 ปีจะเตือนและตีลูกตลอดในเรื่องเกเร ตอนหลังก็ไม่ได้ตีแล้วเพราะกลัวลูกเตลิด เด็กสมัยนี้อยากจะได้อะไรจะให้หมดเพราะลูกชายกำพร้าแม่ตั้งแต่เด็กเนื่องจากป่วยเสียชีวิต ก่อนน้องเสียชีวิตได้ออกไปทำประมง ตกปลากับเพื่อนๆประมาณสัก 1 เดือน ก่อนจะกลับมาอยู่บ้าน 2-3 อาทิตย์กระทั่งมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
“หลังจากลูกกลับจากไปทำงานประมงครั้งแรก เหลือเงินมา 300 บาทและเอามาให้พ่อทั้งหมด ผมบอกว่าผมไม่เอา ผมมีอยู่ลูกเก็บไว้ใช้เถอะ เขายังบอกนานๆให้พ่อที พ่อเอาไปเก็บไว้ตะ ซึ่งผมเองก็ไม่ได้ต้องการอะไรจากเขาเลย อยากให้เขาหาเลี้ยงตัวเองได้ก็พอ นั้นคือครั้งสุดท้ายของเขาที่ทำให้พ่อเป็นปลื้ม ล่าสุดครูกศน.บอกกับผมว่า ลูกชายกำลังจะจบม.3 อีกไม่กี่วันนี้แล้ว ทำให้ผมดีใจมากหลังจากบังคับให้ไปเรียน เพราะต้องการให้ลูกเรียนจบ ม.6 สุดท้ายก็มาเสียชีวิตเสียก่อน อยากขอร้องให้วัยรุ่นสมัยนี้ให้ใจเย็นๆลงหน่อย มีอะไรให้คุยกันดีกว่า อย่าใช้กำลังตัดสินกันเลยครับ เอ็นดูพ่อแม่บ้าง” นายสากล กล่าวทั้งน้ำตา
