กรณีโลกออนไลน์แชร์คลิปรถยนต์ยี่ห้อ มิตซูบิชิ ปาเจโร สีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน วิ่งเสียหลักชนรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแมกซ์ ทะเบียน ตม 9938 กรุงเทพ จนรถกระบะพลิกคว่ำหลายตลบข้ามเลนไปชนกับรถเก๋งที่วิ่งมาทางถนนเลนฝั่งตรงข้าม บริเวณถนนราชสีมา-ปักธงชัย ฝั่งขาออก บริเวณหน้าโรงเรียนบ้านไชยมงคล ต.ไชยมงคล อ.เมือง จ.นครราชสีมา หลังเกิดเหตุชายคนขับรถยนต์ปาเจโร่ และหญิงสาวที่นั่งมากับรถเดินลงไปดูเหตุการณ์ ก่อนรีบขึ้นรถขับหลบหนีไป ซึ่งวงจรปิดจับภาพไว้ได้ ล่าสุดเจ้าของรถมิตซูบิชิ ปาเจโร่ คันก่อเหตุ นำรถไปส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีแล้ว โดยเจ้าของรถยนต์เป็นผู้หญิง ซึ่งหญิงสาวเจ้าของรถยอมรับกับตำรวจแล้วว่า เป็นรถคู่กรณีจริง แต่ไม่ได้เป็นคนขับรถในวันเกิดเหตุ โดยคนขับเป็นญาติกัน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

อ่านข่าว ออกหมายเรียกหนุ่มทหารเรือซิ่งปาเจโร่ชนแล้วหนี จนท.พิสูจน์หลักฐานเก็บตัวอย่างสีรถคู่กรณี

ล่าสุด เมื่อเวลา 11.25 น. วันที่ 1 ก.พ. ที่สภ.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา จ่าเอกวสันต์ อังคุนันท์ อายุ 34 ปี ทหารสังกัดกองทัพเรือ ซึ่งเป็นคนขับรถปาเจโร่คันก่อเหตุเดินทางพร้อมด้วยทนายความและญาติเข้าให้ปากคำกับ พ.ต.ท.พิชัย เชิดชู รองผู้กำกับการการสอบสวน สภ.โพธิ์กลาง อำเภอเมืองนครราชสีมา หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าว

โดยจ่าเอกวสันต์ยอมรับกับพนักงานสอบสวนว่า เป็นผู้ขับรถปาเจโร่คันดังกล่าวจริง ในวันเกิดเหตุตนเองขับรถจะไปทำธุระ เมื่อรถวิ่งมาถึงที่เกิดเหตุโดยตนขับที่ความเร็วประมาณ 80 กม./ชม. เกิดฝนตกทำให้ถนนลื่น ตนพยายามบังคับรถแล้วแต่ก็เอาไม่อยู่ ทำให้รถไปเบียดรถกระบะของคู่กรณีจนเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ตามที่ปรากฏในคลิปวีดีโอ หลังเกิดเหตุตนเองไม่ได้หลบหนีและยังได้เข้าไปช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บออกมาจากรถอีกด้วย

ตนต้องกราบขอโทษคู่กรณีที่เกิดเหตุดังกล่าวทำให้หลายคนต้องได้รับบาดเจ็บ และเดือดร้อนแต่ที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ ตนไม่มีเจตนาที่อยากจะให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นกับใครเลย แต่เมื่อมีเหตุเกิดแล้วตนยินดีรับผิดชอบค่าเสียหายทุกอย่าง ส่วนเรื่องคดีความก็ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม

หลังให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน จ่าเอกวสันต์ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวและเดินทางกลับทันที

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าวว่า ส่วนในเรื่องของคดีความก็ขอให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม โดยพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาดำเนินคดี 3 ข้อหาหนัก ประกอบด้วย ขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส ขับรถเกิดอุบัติเหตุแล้วหลบหนีโดยไม่ให้การช่วยเหลือ และทำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์








Advertisement

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน