น้ำใจงาม! แม่ค้าเจอกระเป๋า รีบเข้าแจ้งตำรวจ ส่งคืนเจ้าของ ทรัพย์สินนับล้าน
แม่ค้าเจอกระเป๋า – เมื่อวันที่ 8 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางศิริพร หมอกพิชัย หรือป้าพร อายุ 71 ปี นำกระเป๋าสะพายสีดำเข้ามาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานต่อ ด.ต.นฤทธิ์ ไลกระโทก เสมือนเวรประจำวัน สภ.เมืองชุมพร พร้อมกับตรวจสอบทรัพย์สิน
ภายในมีเงินสกุลต่างชาติจำนวน 500 ยูโร และเหรียญอีกจำนวนหนึ่งรวมเป็นเงินไทยกว่า 2 หมื่นบาท สมุดธนาคารแห่งหนึ่งในประเทศไทยมีเงินฝากอยู่มากกว่า 1 ล้านบาท บัตรเครดิตประเภทต่างอีกหลายใบ และพาสปอร์ตระบุชื่อ นายอาเลสซิโอ เทรวิซาน อายุ 67 ปี สัญชาติอิตาลี
ขณะที่ตำรวจตรวจกำลังตรวจสอบทรัพย์สินเพื่อลงบันทึกแจ้งความประจำวัน จากนั้นนายอาเลสซิโอ ได้เดินทางมาด้วยสีหน้าตื่นเพื่อจะแจ้งความกับตำรวจเรื่องทรัพย์สินกับพาสปอร์ตดังกล่าวที่หายไป และเมื่อเห็นนางศิริพรนำกระเป๋าและทรัพย์สินของตนเองมาแจ้งความกับตำรวจจึงได้แสดงตนว่ากระเป๋าและทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของตนเอง พร้อมกับโผเข้ากอดนางศิริพรด้วยความดีใจและกล่าวชื่นชมในความเป็นพลเมืองดีของคนไทยที่มีต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติ
หลังจาก นายอาเลสซิโอ ได้ตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมด ซึ่งยังมีอยู่ครบไม่มีทรัพย์สินใดสูญหาย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งมอบคืนให้พร้อมกับถ่ายภาพร่วมกันไว้เป็นหลักฐาน โดย นายอาเลสซิโอ ได้มอบเงิน 1 พันบาท ให้กับนางศิริพร เพื่อเป็นสินน้ำใจที่นำกระเป๋าและทรัพย์สินของตนมาแจ้งความมอบให้ตำรวจเก็บไว้เพื่อประกาศตามหาเจ้าของก่อนจะเดินทางกลับไปด้วยความดีใจ
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
นางศิริพร หรือป้าพร กล่าวว่า ตนเปิดร้านอาหารตามสั่งชื่อ “ร้านป้าพร” อยู่ที่ริมถนนเยื้องหน้าสถานีรถไฟชุมพร โดยช่วงเย็นที่ผ่านมาได้มีฝรั่งนักท่องเที่ยวพร้อมกับเพื่อน 3 คน มาสั่งอาหารกินที่ร้าน หลังจากกินเสร็จได้จ่ายเงินค่าอาหารแล้วก็เดินออกไป ต่อมาพบว่ากระเป๋าสะพายสีดำวางอยู่บนเก้านั่งในร้านอาหาร ตอนแรกไม่กล้าหยิบมาเปิดดูกลัวเป็นระเบิด
นางศิริพร กล่าวต่อว่า จึงเรียกลูกสาวออกมาแล้วเปิดดูพบมีเงินต่างชาติ สมุดเงินฝากธนาคารอีกนับล้านบาท พาสปอร์ต และทรัพย์สินอื่นๆอีกหลายอย่าง ตนได้ลูกสาวออกไปตามหาฝรั่งคนดังกล่าวที่สถานีรถไฟแต่ก็ไม่เจอ จึงเอากระเป๋าเข้าไปเก็บไว้ในร้านเพื่อรอให้เจ้าของย้อนกลับมารับไปแต่จนผ่านไปนานกว่า 3 ชั่วโมงจนมืดค่ำ และตนก็จะปิดร้าน เจ้าของก็ยังไม่มา เลยตัดสินใจนำมาแจ้งความที่โรงพักดังกล่าว
