มอบ 5 หมื่น ให้กำลังใจ พยายาล เหยื่อ ร.ต.อ. เมาขับ พุ่งชนรถฉุกเฉิน พาคนท้องส่ง รพ.
พยาบาล / วันที่ 11 ม.ค. พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รองผบช.ภ.3 พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรชัย สังขพัฒน์ รองผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ เดินทางเข้าเยี่ยม น.ส.จรวยพร ปาประโคน พยาบาลวิชาชีพ รพ.ประโคนชัย ที่กำลังอยู่ระหว่างการ พักฟื้นที่บ้านพักที่ อ.ประโคนชัย หลังจากประสบอุบัติเหตุ ถูกรถกระบะ อีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งมี ร.ต.อ.เดชา เปรียบสม รองสวป.สภ.ประโคนชัย ที่อยู่ในอาการเมาสุรา เป็นคนขับ ได้ขับพุ่งข้ามเลนมาชน รถพยาบาลของ รพ.ประโคนชัย
ที่กำลังลำเลียงสาวท้องแก่ใกล้คลอดมาจาก รพ.ประโคนชัย เพื่อจะส่งไปทำคลอดที่ รพ.ศูนย์บุรีรัมย์ โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 15 ต.ค. บนถนนสายบุรีรัมย์-ประโคนชัย ต.บ้านไทร อ.ประโคนชัย มี น.ส.สุดารัตน์ เชื่อมาก อายุ 25 ปี พยาบาลวิชาชีพ รพ.ส่งเสริมสุขภาพชุมชนเขาคอก เสียชีวิต ส่วน น.ส.จรวยพร บาดเจ็บสาหัส
โดยการมาเยี่ยมในครั้งนี้ ตำรวจ บช.ภ.3 ได้นำเงินจำนวน 50,000 บาท มามอบให้เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจกับ น.ส.จรวยพร พร้อมชี้แจงถึงความคืบหน้าของคดี หลังจากได้แจ้งข้อกล่าวหา ร.ต.อ.เดชา ที่เป็นผู้ก่อเหตุ
พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุ ตำรวจได้ทำการสอบสวนทั้งผู้ประสบเหตุ ผู้เห็นเหตุการณ์ และกู้ภัย สรุปสำนวนคดีภายใน 15 วัน พร้อมตั้งข้อหา ร.ต.อ.เดชา เปรียบสม ฐานเมาแล้วขับ ,ขับรถประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต และฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานคือไม่ยอมเป่าเครื่องเป่าแอลกอฮอล์ ซึ่งขณะนี้อัยการได้ส่งฟ้องศาลไปแล้ว หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ว่าจะออกมาแบบไหน
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่โลกออนไลน์สงสัยว่าตำรวจอาจจะเข้าไปช่วยเหลือกันหรือไม่ ตำรวจภูธรภาค 3 ยืนยันผิดคือผิด เพราะข้อหาที่ส่งฟ้องหนักสุดแล้วของ พรบ.จราจร คดีนี้ถือว่าเป็นคดีตัวอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่หรือประชาชน ถ้าทำผิดแล้วต้องยืดอกรับ ไม่อยากให้ผู้กระทำผิดบิดเบือน เพราะสุดท้ายความจริงก็โผล่ออกมาอยู่ดี
ด้าน น.ส.จรวยพร กล่าวว่า อาการตอนนี้สามารถรับรู้เรื่องราวได้หมดแล้ว แต่การสื่อสารทางคำพูดยังไม่สามารถทำได้้เหมือนปกติ ต้องใช้เวลา สำหรับวันนี้ครอบครัวต่างใจชื้นที่มีตำรวจภาค 3 ให้ความสำคัญเรื่องคดี และไม่มีความหนักใจแล้ว คงจะต้องปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมเป็นผู้ตัดสิน
