ชาวบ้านแห่ต้าน ป่าไม้แม่ฮ่องสอน ทุบประปาหมู่บ้าน หวั่น500ครัวเรือนขาดน้ำ

ทุบประปาหมู่บ้าน / เมื่อวันที่ 28 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราษฎรบ้านชานเมือง หมู่ 12 ต.ปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน จำนวน 150 คน นำโดย นางสุจิตรา วิทยาการยุทธกุล ผญบ. รวมตัวกันที่โรงระบบผลิตน้ำประปาของหมู่บ้าน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหัวห้วยน้ำปุ๊

เพื่อแสดงพลังคัดค้าน กรณีที่มีข่าวว่าจะมีหน่วยป่าไม้เข้าไปทุบทำลาย โรงผลิตน้ำประปาภูเขาของหมู่บ้าน เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อราษฎรจำนวน 500 หลังคาเรือน จำนวนผู้ได้รับผลกระทบสูงกว่า 2,500 คน

นางสุจิตราเปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าว พื้นที่ที่มีการสร้างเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือของ 2 ค่าย เป็นที่ตั้งของโรงผลิตน้ำประปาภูเขาของหมู่บ้าน หากจะมีการจับกุมก็จะต้องจับหมดทั้งจังหวัด เนื่องจากประชาชนในแม่ฮ่องสอน จำนวนมากก็อาศัยอยู่ในเขตป่าแทบทั้งสิ้น

สาเหตุการร้องเรียนมาจากผู้ร้องเรียนผิดหวังเรื่องไม่ได้รับสิทธิในที่ทำกิน ตามโครงการ คทช. ทั้งที่ที่ดินที่มีการร้องเรียนดังกล่าวเป็นคนละจุดกับที่มีการก่อสร้างระบบประปาของหมู่บ้าน ทำให้หน่วยป่าไม้จะเข้ามาตรวจสอบ ซึ่งหากมีการจับกุมและยึดระบบน้ำประปา จะทำให้ราษฎรของหมู่บ้านชานเมืองทั้งหมด ได้รับผลกระทบจากการขาดน้ำกินน้ำใช้อย่างหนักแน่นอน

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

นายจำรูญ เพียรดี ผู้ร้องเรียนระบุว่า ตนร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องการจัดตั้งเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือในพื้นที่ของกรมป่าไม้ และโครงการจัดการที่ดินเพื่อชุมชน (คทช.) ที่ไม่เป็นธรรมของเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ ส่วนเรื่องโครงการการจัดเก็บค่าน้ำประปาที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง








Advertisement

ตนแค่เสนอข้อคิดเห็น เนื่องจากงบประมาณก่อสร้างเป็นงบของกรมการปกครอง เพื่อให้ราษฎรได้ใช้น้ำฟรีแต่พบว่ามีการจัดเก็บค่าน้ำกับราษฎร และพบว่ามีการไปปลุกระดมจากคนในหมู่บ้านว่าจะมีการทุบระบบประปาทิ้ง ทำให้ราษฎรต่างเข้าใจผิดและเกิดความขัดแย้งในชุมชนกับเจ้าหน้าที่รัฐดังกล่าว

ต่อมานายศักกรินทร์ ปัญญาใจ ผอ.ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 3 กรมป่าไม้ สั่งการให้หน่วยเคลื่อนที่เร็ว ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 3 ภาคเหนือ กรมป่าไม้ เดินทางมาตรวจสอบกรณีนายจำรูญ ที่ร้องเรียนเรื่องมีการจัดตั้งเสาโทรศัพท์ ในพื้นที่เขตป่าสงวน และการเสียสิทธิใน คทช.ทั้งที่มีใบตอบรับจากกรมป่าไม้

ซึ่งจากการลงพื้นที่ พบว่ามีการทำสัญญาณจัดตั้งเสาในพื้นที่ดังกล่าวจริง ซึ่งจะเรียกบริษัทผู้เข้าไปดำเนินการมาชี้แจง ว่าได้รับอนุญาตจากใคร สำหรับเรื่องเกี่ยวกับโครงการจัดการที่ดินเพื่อชุมชน (คทช.) นั้นพื้นที่ดังกล่าวได้มีการตรวจสอบแล้ว พบว่ามีการแผ้วถางใหม่ไม่นาน เพราะใบตอบรับกรมป่าไม้ออกตั้งแต่ปี 2542 แต่สิ่งปลูกสร้างและต้นไม้มีอายุประมาณ 3-5 เดือนเท่านั้น ตามที่เจ้าหน้าที่เข้าจับกุม 2 ครั้ง

ครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2546 ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2556 ซึ่งศาล จ.แม่ฮ่องสอนพิพากษาว่ามีความผิดจริงและจำเลยรับสารภาพ ลงโทษครึ่งหนึ่งจำคุก 4 เดือน 15 วัน เงินค่าปรับ 6,000 บาท ปรับจริง 3,000 บาท โทษจำให้รอลงอาญา ซึ่งเรื่องดังกล่าว ศาลได้ตัดสินไปแล้วว่ามีการบุกรุกป่าจริง และผู้กระทำผิดก็ได้รับโทษทางคดีไปแล้ว

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงเรื่องที่มีข่าวว่าจะมีการทุบประปาหมู่บ้านทิ้งนั้น ไม่เป็นความจริงและยืนยันว่า เรื่องที่มีการกล่าวหาหน่วยงานภาครัฐดังกล่าว เป็นการกระทำของบุคคลที่ไม่ประสงค์ดี และต้องการยุยงให้ราษฎรเข้าใจผิดเจ้าหน้าที่ เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นการจ่ายระบบน้ำประปาที่ไม่ถูกต้องของคนบางกลุ่มเท่านั้น

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน