สลดหนุ่มนักศึกษาวิทยาลัยสารพัดช่างบุรีรัมย์ ขับ จยย.ฝ่าความมืดลำพัง กลับบ้านเสียหลักพุ่งข้ามเลนตกคลองข้างทางลึกกว่า 3 เมตร ร่างกระแทกอย่างแรงคอหักเสียชีวิตคาที่ ก่อนชาวบ้านจะพบศพ แจ้ง จนท.ตรวจสอบ เบื้องต้นคาดผู้ตายน่าจะขับรถแซงคันหน้าแต่มีรถสวนหักหลบตกข้างทาง
วันที่ 11 ก.พ.60 ร.ต.อ.อัศวิน การเรียน รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี พบรถจักรยานยนต์ตกคลองข้างทางมีผู้เสียชีวิต จึงพร้อมหน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรมสถานบุรีรัมย์ รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นถนนสายบุรีรัมย์–สตึก บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 8-9 บ้านสวายสอ ต.บัวทอง อ.เมืองบุรีรัมย์ พบชาวบ้านจำนวนมากมุงดูซากรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีดำ-แดง สภาพพังยับเยิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ข้างกันในที่เกิดเหตุ พบศพชายสภาพตัวแข็ง คาดว่าน่าจะเสียชีวิตจากการเกิดอุบัติเหตุมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ชั่วโมง ทราบชื่อจากชาวบ้านภายหลัง ผู้ตาย คือ นายศุภกิจ บุญคุ้ม อายุประมาน 20 ปีเศษ อยู่บ้านสีอุดม ต.บัวทอง ศึกษาอยู่ที่วิทยาลัยสารพัดช่างตั้งอยู่ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ จากนั้นเจ้าหน้าที่และหน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรม ได้ช่วยกันนำร่างผู้ตายขึ้นมาจากคลองข้างถนนที่ลึกกว่า 3 เมตร อย่างทุลักทุเล จากการตรวจสอบสภาพศพบริเวณใบหน้าแตก ตามร่างกายมีรอยเขียวช้ำ คอหักผิดรูป คาดว่าน่าจะเกิดจากการกระแทกอย่างรุนแรง หลังขับรถ จยย.พุ่งตกข้างทางในช่วงกลางคืนที่ผ่านมา แต่ไม่มีผู้พบเห็นจนถึงช่วงเช้า
ตรวจสอบที่เกิดเหตุ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าผู้ตายน่าจะขับรถจักรยานยนต์จากตัวเมืองบุรีรัมย์ มาเพียงลำพังมุ่งหน้าไปตามถนนสายบุรีรัมย์-สตึก เพื่อกลับบ้านที่ตั้งอยู่ บ้านสีอุดม ต.บัวทอง ตามลำพังท่ามกลางความมืด เมื่อถึงที่เกิดเหตุผู้ตายน่าจะเร่งเครื่องแซงรถคันหน้าแต่ไม่พ้น และอาจมีรถยนต์คันหน้าวิ่งสวนมาด้วยความเร็ว ทำให้ผู้ตายตกใจหักหลบข้ามไปเลนซ้ายด้วยความเร็วทำให้บังคับรถไม่ได้ เสียหลักพุ่งชนเสาปักธงที่ตั้งอยู่ข้างถนนลากไปกว่า 50 เมตร ก่อนพุ่งตกคลองลึกกว่า 3 เมตรข้างทาง ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตท่ามกลางความมืด ทำให้ผู้คนที่ผ่านไปมาไม่พบเห็นหรือช่วยเหลือได้ เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นคลองลึก
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยกู้ภัยได้นำร่างของผู้ตายส่งโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ เพื่อให้แพทย์ตรวจพิสูจน์ ก่อนจะให้ครอบครัวผู้ตายมารับศพนำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี ส่วนสาเหตุอื่นที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ เจ้าหน้าที่จะได้สืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงอีกครั้ง