สลด แม่เป็นลมล้มพับ เผาคู่แฝดเหยื่อพ่อกรอกยา เล่านาทีทุบห้องเจอศพใจแทบขาด!

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 2 ก.พ.2562 ที่ วัดดาราธิวาส บ.ขนาดมอญ ต.ตาตุม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ได้มีพิธีฌาปณกิจศพ 2 เด็กชายฝาแฝด คือ ด.ช.จิรณัฐ หรือน้องนินจา โสรจันทร์ และ ด.ช.จิรนันท์ หรือน้องโชกุน โสรจันทร์ วัย 1 ปี 7 เดือน ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่บิดา คือนายสมชาย พิมเงิน อายุ 45 ปี กรอกยาพิษให้กิน ก่อนเขียนจดหมายลา แล้วฆ่าตัวตายตาม เมื่อกลางดึกวันที่ 31 ม.ค.

โดยก่อนหน้า นายสมชาย ได้มีปัญหากับภรรยา น.ส.จิราภรณ์ โสรจันทร์ อายุ 20 ปี เพราะนายสมชาย พิมเงิน ผู้ตายได้นำรถยนต์ของพ่อตาแม่ยาย ซึ่งเป็นพ่อแม่ของ น.ส.จิราภรณ์ โสรจันทร์ ไปจำนำ ก่อนที่ทั้งสองคนจะแยกกันอยู่ โดยนางสาวจิราภรณ์ ได้กลับไปอยู่บ้านเกิดกับพ่อแม่ ที่ บ.ตาเมา ต.ตาตุม อ.สังขะ จากนั้น เมื่อวันที่ 29 ม.ค.62 นายสมชาย ผู้ตาย ได้ไปขอรับลูกชายฝาแฝดกลับมาที่บ้าน ก่อนจะคิดสั้นดังกล่าว ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

บรรยากาศภายในพิธีฌาปณกิจที่จัดขึ้นอย่างเรียบง่ายภายในวัดดาราธิวาส บ.ขนาดมอญ ต.ตาตุม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจและอาลัยอาวรของครอบครัว ญาติพี่น้องและเพื่อนบ้าน ซึ่งศพของเด็กชายฝาแฝดต้องทยอยเผาทีละศพ ขณะที่ น.ส.จิราภรณ์ โสรจันทร์ ผู้เป็นแม่ยังคงร้องไห้ เป็นลมล้มฟุบและยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้

โดย นายอรรถสิทธิ์ ลัมภเวช นักสังคมสงเคราะห์ จ.สุรินทร์ สนง.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.สุรินทร์ ได้ลงพื้นที่ไปพบนางสาวจิราภรณ์ ที่งานศพ เพื่อสอบถามและตรวจสอบข้อมูล เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือ ในเหตุการณ์สูญเสียที่เกิดขึ้น พร้อมจะได้ประสานนักจิตวิทยาที่เกี่ยวข้องเข้าดูแลเยียวยาสภาพจิตใจของผู้เป็นแม่ ส่วนการช่วยเหลือ ต้องดูตามระเบียบต่อไป

สำหรับ ศพของนายสมชาย พิมเงิน อายุ 45 ปี ผู้เป็นพ่อ ก็ได้มีพิธีฌาปณกิจศพ ที่วัดบ้านเกิด ภายในหมู่บ้าน บักจรัง ต.กาบเชิง อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์

น.ส.จิราภรณ์ โสรจันทร์ แม่ของ 2 เด็กชายฝาแฝด เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า สาเหตุที่แยกกันอยู่มาร่วม 1 เดือน เนื่องจากทะเลาะกันเรื่องที่สามีเอารถยนต์ของพ่อแม่ไปจำนำ ส่วนสามีติดการพนัน ไม่ทำงานทำงาน เวลาเลี้ยงลูกก็ไม่ค่อยช่วยดู ไม่รับผิดชอบอะไร ที่ผ่านมาไม่เคยทุบตีตนและลูก โดยเมื่อวันที่ 29 ม.ค.62 สามีได้มาขอรับลูกกลับไปเล่น ตนก็ให้ไป

จากนั้นสามีโทรมา บอกว่าไม่ต้องห่วง พาลูกมาถึงบ้านแล้ว ตนก็ไม่ได้เอะใจ พอตกเย็นเขาโทรมาขู่อีกว่า ตอนนี้อยู่ที่เขื่อนกับลูก กูจะฆ่าลูก กูจะฆ่าตัวเอง กูไม่ต้องการมึงแล้ว และแช่งหนูสารพัด ไม่ให้หนูไปทำบุญเขากับลูก ตนไม่คิดว่าเขาจะทำ ตนก็บอกไปว่า พี่อย่าพูดแบบนี้ หนูยอมหมดแล้ว พี่จะให้หนูทำอะไรก็ได้ ซึ่งวันนั้นมันดึกแล้วตนก็ไม่กล้าไปหา

พอเช้าวันที่ 30 ม.ค.62 เขาก็โทรมาอีก เขาถามว่าอยู่ไหน ตนก็บอกว่าตนทำงานอยู่ ไปตัดดอกดาวเรือง ในไร่กับแม่ และเขาก็บอกว่า ให้ตนมารับลูกตอนเย็นๆ แต่วันนั้นตนไม่ได้ไป ตนไม่คิดว่าเขาจะทำ เพราะเป็นลูกของเขา ที่เขาทำน่าจะโกรธตนเอง ที่พาลูกมาอยู่ที่บ้านแม่มากกว่า พอไปตอนเช้ากับแม่ ไม่คิดว่าจะไปเห็นภาพแบบนั้น

“เมื่อไปถึงบ้าน ตั้งใจว่าจะไปคุยกัน พอไปถึง ก็เคาะประตู ไม่มีใครตอบ ได้ยินแต่เสียงทีวี เรียกหา โทรหา ก็ไม่รับ ก็เลยไปส่องดูที่หน้าต่างจึงเห็น และรีบตะโกนบอกชาวบ้านให้รีบมาช่วย หนูพยายามคิดว่าลูกหนูคงไม่เป็นอะไรหรอก พยายามเอาไม้ตีประตูบ้านเพื่อจะเข้าไป แต่เปิดไม่ได้ ก็โทรบอกตำรวจ ตำรวจบอกว่าให้ใจเย็นๆนะ ให้เรียกคนแถวนั้นมาช่วยก่อน เผื่อเด็กยังไม่เป็นอะไร ก็ยังไม่มีใครมาช่วยงัด จึงเอาไม้ทุบตีประตู จนกลอนเปิดออก คิดอย่างเดียวว่าจะต้องรีบเอาลูกออกไปหาหมอโดยเร็วที่สุด”

จากนั้นตำรวจมา และเอาขึ้นรถตำรวจไปหาหมอ ตอนนั้นตนไม่รู้ว่าลูกยังมีลมหายใจหรือไม่ คิดแค่ว่าลูกยังไม่ตาย ลูกยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่คิดว่าเขาจะทำกับลูกได้ เขาก็เคยถามว่ามีใครใหม่หรือยัง ตนตอบว่าไม่มีใคร ขอมาอยู่บ้านกับแม่สักพัก โดยส่วนตัวเขาเป็นคนขี้น้อยใจ ซึ่งถ้าหากตนไปหาเขาก่อนหน้านี้ เขาอาจจะฆ่าตนด้วยทั้งครอบครัวก็ได้ ตนไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับใครอีก

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน