หอบลูกนอนรอหน้าโรงพัก ชาวบ้านไร้เงินประกัน ถูกจับตัดสมุนไพรในป่าสงวน

ชาวบ้านไร้เงินประกัน / เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณหน้า สภ.ดม ต.เทพรักษา อ.สังขะ จ.สุรินทร์ มีชาวบ้านกว่า 50 คน ทั้งชายหญิงและเด็กๆ พากันมานั่งรอบริเวณบันไดทางขึ้นโรงพัก

เพื่อเฝ้าญาติพี่น้องซึ่งถูกจับกุมดำเนินคดี ภายหลังถูกนายทุนนอกพื้นที่ หลอกให้เข้าไปตัดสมุนไพร ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน – ห้วยสำราญ จนถูกจับกุมดำเนินคดี จำนวน 17 ราย

ทั้งนี้เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ เย็นวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน – ห้วยสำราญ สนธิกำลังออกลาดตระเวน เพื่อป้องกันการบุกรุกป่า โดยการอำนวยการของนายวุฒิกุล งามปัญญา หน.รักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน – ห้วยสำราญ

พร้อมด้วย ฝ่ายสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า เจ้าหน้าที่หน่วยปฎิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.สังขะ เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 217 (ตชด. 217) ออกลาดตระเวนตามแนวพื้นที่ป่าไม้ชายแดนไทย – กัมพูชา บริเวณป่าทิศใต้บ้านคะนา ต.ตาตุม อ.สังขะ จ.สุรินทร์

ขณะเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนมาถึงบริเวณดังกล่าว ตรวจพบกลุ่มชาวบ้านจำนวน 17 คน เป็นชาย 13 คน หญิง 4 คน ทยอยแบกถุงกระสอบปุ๋ยเดินออกจากป่า ลักษณะเดินมาทีละคน เจ้าหน้าที่จึงได้ส่งสัญญาณให้หยุด และเข้าตรวจสอบพบข้างในถุงกระสอบปุ๋ย พบเป็นไม้พฤกษชาติจำพวกต้นม้ากระทืบโรงและต้นกำแพง 7 ชั้น

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

จากการสอบสวนทราบว่าเป็นชาวบ้านกะเลงเวก ต.เทพรักษา อ.สังขะ จำนวน 14 ราย และเป็นชาว ต.ตาตุม อ.สังขะ อีก 3 ราย เจ้าหน้าที่สอบถาม ทราบว่า ทั้งหมด ได้ชักชวนกัน เดินทางเข้าป่าเพื่อหาตัดต้นไม้ จำพวกต้นมากะทืบโรงและต้นกำแพง 7 ชั้นนี้เพื่อไปทำเป็นยาสมุนไพรไว้รับประทาน และแบ่งให้ญาติพี่น้องได้ต้มหรือดองเหล้าไว้ดื่มกินเท่านั้น ไม่คิดว่าจะเป็นการผิดกฎหมาย จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ ทำการจับกุม จับกุมดังกล่าว

สำหรับการเข้าตรวจยึดจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการลักลอบเข้ามาตัดไม้ในเขตป่าหวงห้าม มีอย่างต่อเนื่อง และเจ้าหน้าที่ได้เพิ่มมาตรการป้องกันและปรามปรามการลักลอบทำลายทรัพยากรป่าไม้ กำลังเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน จึงลงพื้นที่สำรวจตรวจสอบอย่างเข้มข้น หากพบการกระทำผิดจะควบคุมตัวดำเนินการตามกฎหมายทันที

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งข้อหาลักลอบร่วมกันทำลายไม้พฤกษชาติในเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน – ห้วยสำราญ จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 17 ราย ส่งร้อยเวรสอบสวน สภ.ดม อ.สังขะ พร้อมด้วยของกลางเป็นไม้พฤกษชาติ ต้นม้ากระทืบโรงและกำแพง 7 ชั้น จำนวน 1,505 กิโลกรัม และรถจักรยายนต์อีก 17 คัน

โดยผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาและของกลางทั้งหมดส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย และหากประกันตัวออกจากสถานีตำรวจภูธร สภ.ดม ต้องใช้หลักทรัพย์ คนละ 1 แสน ในการประกันตัว แต่ชาวบ้านยังหาเงินมาประกันตัวไม่ได้ จึงต้องนอนห้องขัง

ขณะที่ พ.ต.ท.ทรงศักด์ แก้วแฉล้ม รอง ผกก.สส.รักษาราชการแทน ผกก.สภ.ดม เปิดเผยว่า จนท.ตำรวจญาติพี่น้องของผู้ถูกจับกุมได้นำหลักทรัพย์มาประกันตัวไปแล้ว 6 ราย ที่เหลือ 11 คน ยังหาหลักทรัพย์ต่างๆมาประกันตัวไม่ได้ จนท.ตำรวจก็พยายามรอเวลาให้ชาวบ้านได้ประกันตัวให้มากที่สุด แต่หากไม่มีหลักทรัพย์มาประกันตัว ก็จะนำส่งศาลต่อไป

ขณะที่ภรรยาของ 1 ในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม กล่าวว่า ตนเองมานอนรอสามี มา 2 คืนแล้ว ไม่มีเงินหรือหลักทรัพย์ประกันตัว ตอนนี้ก็จนปัญญา คงต้องรอให้ส่งตัวไปศาลให้พิจารณา ชาวบ้านก็พึ่งเข้าไปตัดสมุนไพรกัน เมื่อสัปดาห์นี้มีคนมาติดต่อให้ชาวบ้านไปตัด แล้วเอามาสับตากให้แห้งจะรับซื้อกิโลกรัมละ 6 บาท แต่ไม่ทันได้ขาย ก็ถูกจับกุมก่อน

ซึ่งชาวบ้านไม่มีใครรู้ว่า สมุนไพรดังกล่าวนั้นเมื่อตัดมาแล้วจะมีความผิด หากรู้ก็คงไม่ทำกัน ชาวบ้านในพื้นที่ก็อาศัยป่าในการหาเห็ดหาผักป่ามาประทังชีวิตอยู่แล้ว ไม่ได้มีเงินทองร่ำรวยอะไร ที่ดินก็ไม่มี หาเช้ากินค่ำ แล้วต้องมาถูกจับกุมด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็คงต้องยอมรับชะตากรรม ก็อยากให้ศาลท่านเห็นใจชาวบ้านด้วย เพราะเมื่อหัวหน้าครอบครัวถูกจับ ก็ไม่มีใครหาเลี้ยงครอบครัว ทั้งลูกเด็กเล็กแดง ลูกหลานที่จะต้องไปโรงเรียน จึงขอความเห็นใจจากศาลด้วย

นายชาย พรมอุก ผญบ.กะเลงเวก กล่าวว่า ชาวบ้านถูกจับ และครอบครัวญาติพี่น้องมานอนรอ 2 คืน 3 วันแล้ว แต่ละคนก็ไม่มีที่ดินสักแปลงมาประกันตัว หมู่บ้านอยู่ใกล้ป่าก็ต้องอาศัยป่าทำมาหากิน หาเช้ากินค่ำ หาของป่ามาประทังชีวิต มีคนมาติดต่อ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใคร จะมารับซื้อ ก.ก.ละ 6 บาท ชาวบ้านก็ดีใจจะได้มีรายได้ ต่างคนไม่รู้ว่าเป็นไม้ที่หวงห้าม

ชาวบ้านไม่ได้ทำเป็นธุรกิจ หวังมีเงินไปซื้อข้าว กับข้าวกินในครอบครัว เพราะไม่อาชีพอื่น รายได้อื่น ซึ่งพึ่งพากันทำเป็นครั้งแรก จึงอยากให้ศาลท่านเห็นใจชาวบ้านด้วย ถ้าชาวบ้านรู้ว่าผิดกฏหมายก็คงไม่พากันทำ และยังไม่มีใครได้ขาย จึงมาถูกจับเสียก่อน ชาวบ้านยากจนจริงๆ ผญบ.กะเลงเวก กล่าว

 

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน