วันที่ 21 ก.พ. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีหนุ่มช่างศิลป์ทิ้งอาชีพวาดรูปตามโบสถ์รายได้เดือนละร่วมแสนบาท มาทำเกษตรผสมผสานที่บ้านหนองบัวลอง ต.บ้านเป้า อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดภรรยา ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ตรวจสอบ

ที่หมู่บ้านดังกล่าวนายสุวิทย์ ตะเพียนทอง อายุ 36 ปี หนุ่มดีกรีปริญญาตรี เอกศิลปะ ชาวกรุงเทพมหานคร และน.ส.ดวงเนตร ตอบไธสง อายุ 27 ปี ภรรยา โดยนายสุวิทย์ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ตนมีอาชีพเป็นช่างศิลป์รับวาดรูปพุทธประวัติตามโบสถ์วิหารต่างๆ ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดตามที่ได้รับว่าจ้าง ที่เคยทำมากว่า 20 ปี มีรายได้เดือนละเกือบ 1 แสนบาท จากนั้นจึงหันมาทำการเกษตรแบบผสมผสานที่บ้านเกิดของภรรยา เพราะอยากมีอาชีพที่เป็นหลักแหล่ง มั่นคง ไม่ต้องตระเวนรับจ้างไปเรื่อยๆ ถึงจะมีค่าตอบแทนที่ค่อนข้างสูงก็ตาม แต่หากมาทำการเกษตรมองว่าเป็นอาชีพที่มั่นคงมากว่า เพราะนอกจากจะบริโภคในครัวเรือนได้แล้วยังสามารถเก็บผลผลิตขายได้อีกด้วย ที่สำคัญยังได้อยู่กับครอบครัว และยังได้ดูแลพ่อแม่ยามแก่ชราอีกด้วย

นายสุวิทย์ กล่าวต่อว่า ถึงแม้ที่ผ่านมาจะยังไม่เคยทำการเกษตรมาก่อน แต่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจจึงได้ไปขวนขวายหาความรู้วิธีขั้นตอนการปลูก รวมถึงการดูแลรักษาจากอินเตอร์เน็ต มาทดลองปลูกทั้งพืชอายุสั้น เช่น ดอกดาวเรือง ข้าวโพด ซึ่งใช้ระยะเวลาเพียง 2–3 เดือนก็สามารถเก็บผลผลิตขายได้ ทั้งยังปลูกพืชระยะยาวที่ให้ผลผลิตตามฤดูกาล เช่น กล้วยหอมทอง มะม่วง และฝรั่งกิมจู รวมเนื้อที่ประมาณ 7 ไร่ ซึ่งขณะนี้ก็เริ่มเก็บผลผลิตดอกดาวเรืองขายได้แล้วเฉลี่ยวันละ 1,000–2,000 บาท เชื่อว่าหากพืชทุกชนิดที่ปลูกไว้ออกผลผลิตเต็มที่แล้ว ก็จะมีรายได้จากการเก็บผลผลิตขายไม่ต่ำกว่าเดือนละ 40,000–50,000 บาท

“อาชีพเกษตรกรไม่ใช่เรื่องง่ายโดยเฉพาะกับคนที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ เพราะนอกจากจะปลูกให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพแล้วเรื่องการตลาดก็เป็นสิ่งสำคัญมาก แต่หากมีความมุ่งมั่นตั้งใจและไม่ย่อท้อ ก็เชื่อว่าไม่น่าจะยากเกินความพยายาม ซึ่งผมกับภรรยาก็จะพยามศึกษาหาความรู้ทั้งจากอินเตอร์เน็ต และจากคนรอบข้างที่เคยทำการเกษตรมาก่อน ก็คาดหวังว่าหากปลูกพืชทั้งระยะสั้นและยาวได้ประสบผลสำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ ก็จะทำให้ครอบครัวมีอาชีพที่มั่นคงและความสุขเพราะได้อยู่กับครอบครัว ไม่ต้องตระเวนรับจ้างไปเรื่อยเหมือนที่ผ่านมา” นายสุวิทย์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน