วันที่ 23 ก.พ. นายจำนง กลายเจริญ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลหลวงพัทลุง-สงขลา ได้รับแจ้งว่ามีชาวบ้านพบซากโลมาอิรวดี ลอยมาเกยตื้นที่บริเวณป่าลำพู ริมทะเลสาบสงขลาตอนใน หรือทะเลสาบลำปำ ท้องที่หมู่ที่ 7 ต.ลำปำ อ.เมืองพัทลุง จึงได้มอบหมายให้ นายงาเพชร เอียดมา พนักงานพิทักษ์ป่า ส.2 เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลหลวงพัทลุง–สงขลา และคณะเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบการตายของโลมาอิรวดีดังกล่าว

จากการตรวจของเจ้าหน้าที่ พบว่าเป็นซากโลมาอิรวดีเพศผู้ หรือโลมาหัวบาตร ขนาดลำตัวยาวประมาณ 2 เมตร น้ำหนักประมาณ 90 กิโลกรัม โดยคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3 – 4 วัน ไม่พบร่องรอยการติดอวนของชาวประมงและบาดแผลที่ทำให้เสียชีวิตแต่อย่างใด ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าสาเหตุการเสียชีวิตน่าจะมาจากอาหารเป็นพิษ อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่จะได้นำซากโลมาตัวดังกล่าว ไปเก็บไว้ที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลหลวงพัทลุง–สงขลา อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง เพื่อให้เจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จังหวัดสงขลา มารับไปผ่าพิสูจน์ซากเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงอีกครั้งต่อไป

อย่างไรก็ตาม สำหรับโลมาอิรวดี ที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบสงขลา หลังจากที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลหลวงพัทลุง–สงขลา ได้ร่วมกับเครือข่ายอนุรักษ์โลมาอิรวดี ในจังหวัดพัทลุง และ จังหวัดสงขลา และบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลี่ยม จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกันจัดสร้างซั้งบ้านปลาขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 – 2558 จำนวน 300 ซั้ง ในบริเวณลับห้า ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่าง ต.ลำปำ อ.เมืองพัทลุง กับ ต.เกาะใหญ่ อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา และก่อสร้างฐานเฝ้าระวังโลมาอิวดี รวมทั้งห้ามมิให้ชาวประมงเข้ามาจับปลาในบริเวณดังกล่าว ในเนื้อที่ประมาณ 5,000 ไร่ ทำให้โลมาอิรวดี เข้าไปหากินในพื้นที่ดังกล่าว จึงไม่พบว่าโลมาเสียชีวิตแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เกิดคลื่นลมแรงในทะเลสาบสงขลา ในช่วงวันที่ 15 – 16 ก.พ. 2560 ทำให้ฐานเฝ้าระวังฯ และซั้งบ้านปลาได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ซึ่งเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลหลวงฯ คาดว่าเมื่อโลมาอิรวดี ไม่มีแหล่งอาหารในบริเวณลับห้า จึงออกไปหาอาหารนอกพื้นที่ลับห้า และอาจจะก่อให้เกิดอาหารเป็นพิษและเสียชีวิตดังกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน