นายอำเภอสมุยหย่าศึก เตือนชาวบ้าน ชักว่าวประท้วงไม่ได้! โทษหนักถึงขั้นประหารชีวิต

นายอำเภอสมุยหย่าศึก เตือนชาวบ้าน ชักว่าวประท้วงไม่ได้! โทษหนักถึงขั้นประหารชีวิต

เมื่อวันที่ 14 มี.ค. เวลา 10.00น. ที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ว่าที่ร.ต.กิตติภพ รอดดอน นายอำเภอเกาะสมุย พร้อมด้วย ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่งคง ทหารกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย มณฑลทหารบกที่45 พื้นที่เกาะสมุย ได้เชิญนายอิทธิพล บุญอารีย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายสนามบิน น.ส.ณัฏฐ์ชยธร ณัฐสุดานิจวิภา ผู้อำนวยการสนามบินสมุย ตัวแทนจากสนามบินสมุย กับนางอภิญญา เพชรศรี และชาวบ้านม.4 ต.บ่อผุด บางส่วนที่อาศัยข้างสนามบินสมุยได้รับผบกระทบ มาร่วมเจรจากรณีเรียกร้องเงินชดเชยจากที่ได้ผลกระทบจากเครื่องบินขึ้นลง จนตัวบ้านได้รับความเสียหายแตกร้าว

จากที่นำเสนอข่าวเมื่อวันที่ 5 มี.ค. ที่ผ่านมา ศูนย์วิทยุการบินสนามบินสมุยแจ้งว่า บริเวณด้านข้างปลายรันเวย์ทางทิศตะวันตก ได้มีชาวบ้านเล่นว่าวอยู่บนท้องฟ้าใกล้แนวเส้นทางการบิน อาจจะเป็นอันตรายต่อเครื่องบินที่กำลังขึ้นลงได้ เมื่อเข้าไปตรวจสอบพบกลุ่มชาวบ้านประมาณ 10 คน ที่อาศัยอยู่ข้างสนามบินกำลังเล่นว่าวอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปแจ้งให้ชาวบ้านนำว่าวลงเพราะจะมีความผิดตามพ.ร.บ.การเดินอากาศ ชาวบ้านบอกว่าที่ทำไปเพราะได้รับผลกระทบจากเสียงและแรงสั่นสะเทือนจากเครื่องบินขึ้นลง จนมีการนัดเจรจากันในวันนี้

ว่าที่ร.ต.กิตติภพ รอดดอน นายอำเภอเกาะสมุย ได้กล่าวตักเตือนชาวบ้านที่ใช้วิธีปล่อยว่าวไปบนท้องฟ้ารบกวนการบิน ซึ่งการทำในลักษณะนี้จะมีความผิดตามพ.ร.บ.เดินอากาศ โทษสูงสุดถึงประหารชีวิต เพราะถ้าเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นมาจะส่งผลเสียตามมาอย่างมหาศาล ซึ่งหากพบว่ามีการกระทำในลักษณะนี้อีกผู้ที่กระทำจะต้องถูกจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมกับให้ชาวบ้านเซ็นชื่อรับทราบ

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่

ทางด้าน นางอภิญญา เพชรศรี ชาวบ้าน1ใน 2 รายที่รับได้รับผลกระทบ บอกว่า ตนเองมีบ้านที่พักอาศัยอยู่ 1 หลัง และบ้านเช่าอีก 10 หลังอยู่บริเวณใกล้กับสนามบิน ได้รับผลกระทบจากการขึ้น-ลงของเครื่องบิน ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบทางเสียงและการสั่นสะเทือน ทำให้ตัวบ้านบางส่วนเกิดรอยร้าว ต้องซ่อมแซมมาโดยตลอด

ที่ผ่านมาสนามบินสมุยได้มีข้อตกลงกับชาวบ้านที่อยู่รอบๆ สนามบินที่ได้รับผลกระทบไปก่อนหน้าประมาณเกือบ 200 หลังคาเรือน แต่ในขณะนั้นทางสนามบินสมุยได้รับอนุญาตเที่ยวบินจำนวน 36 เที่ยวบินต่อวัน แต่ทุกวันนี้ได้รับอนุญาตให้นำเครื่องบินขึ้นลงถึง 50 เที่ยวบินต่อวัน ผลกระทบจากเสียงเครื่องบินขึ้นลงจึงเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น ตนเองจึงไม่รับเงินค่าเยียวยาจากผลกระทบจากสนามบินตามข้อตกลงตั้งแต่ตอนแรก เนื่องจากตนเห็นว่า ค่าชดเชยที่ทางสนามบินเสนอให้นั้น มันไม่สมดุลกับผลกระทบที่ได้รับ และได้เรียกร้องให้ทางสนามบินเพิ่มเงินค่าชดเชยให้กับตนให้สมดุลกับผลกระทบที่ได้รับ

ส่วนตัวแทนสนามบินสมุย เปิดเผยว่า สำหรับการเจรจาเงินเยียวยาที่มีการตกลงกันก่อนหน้านี้นั้นได้ข้อสรุปร่วมกันว่า ทางสนามบินสมุยจะเป็นผู้เช่าตัวอาคารและพื้นที่ทั้งหมดของนางอภิญญา กำหนดระยะเวลา 30 ปี โดยในปีแรกสนามบินสมุยจะจ่ายงวดแรกเป็นจำนวนเงิน 14 ล้านบาท ในวันที่ 7 มิ.ย. 2561 และจ่ายรายปีอีกปีละ 1.2 ล้านบาท เมื่อครบ 3 ปีจ่ายเพิ่มค่าเช่าอีกร้อยละ 10 จนกว่าครบกำหนดระยะเวลาเช่า และหลังจากที่จ่ายงวดแรกไปแล้ว ทางสนามบินสมุยยังได้ให้เวลาอยู่ต่ออีก 2 ปีกับนางอภิญญาเพื่อหาที่อยู่ใหม่ ซึ่งทางบอร์ดบริการก็พิจารณาเห็นชอบในที่ประชุมแล้ว

แต่พอถึงกำหนดนัดจ่ายเงินที่ศูนย์ดำรงธรรมที่ว่าการอำเภอเกาะสมุย นางอภิญญากลับเป็นฝ่ายขอยกเลิกข้อตกลงที่มีมาก่อนหน้านี้ และจะขอเพิ่มค่าเช่าจากที่ตกลงกันก่อนหน้านี้ ซึ่งในเรื่องนี้ต้องนำเรื่องไปเข้าที่ประชุมพิจารณาอีก 3 เดือน

ว่าที่ร.ต.กิตติภพ รอดดอน นายอำเภอเกาะสมุย กล่าวอีกว่า ในขั้นตอนการแก้ปัญหาไกล่เกลี่ยของศูนย์ดำรงธรรมระหว่างนางอภิญญา เพชรศรี ผู้ร้องทุกข์ กับสนามบินสมุย ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายยอมรับข้อตกลงร่วมกันแล้วก็ถือว่าสิ้นสุดแล้วในตอนนั้น แต่หากผู้ร้องทุกข์ไม่ยอมรับในข้อตกลงอีกก็ให้ไปเข้าสู่ขบวนการยุติธรรมต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับ พ.ร.บ.การเดินอากาศ มาตรา18(3) ผู้ใดกระทําการวางหรือกระทําด้วยประการใด ๆ เพื่อให้มีการวางในอากาศยานในระหว่างบริการซึ่งวัสดุ หรือสิ่งใด ๆ ที่น่าจะทําลายอากาศยานนั้น หรือน่าจะก่อให้เกิดความเสียหายจนเป็นเหตุให้อากาศยานนั้น ไม่สามารถทําการบินได้ หรือน่าจะก่อให้เกิดความเสียหายจนน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัย ของอากาศยานในระหว่างการบิน ต้องระวางโทษประหารชีวิต จําคุกตลอดชีวิต หรือจําคุกตั้งแต่ 15-20 ปี และปรับตั้งแต่ 600,000-800,000 บาท