คนร้าย 5-6 คน มีอาวุธครบมือ ลอบ วางบึ้มถังแก๊ส 25 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร ถล่มฐานทหารที่ตากใบ แรงระเบิดทำให้อาคาร-รถยนต์เสียหาย ก่อนขว้างไปป์บอมบ์เปิดทางหนี

วางบึ้มถังแก๊ส / เมื่อวันที่ 14 มี.ค. พล.ต.ต.ดุษฏี ชูสังกิจ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส พ.ต.ท.ประจวบ นิ่มเรือง หัวหน้าชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และ ร.ต.ท.วัฒนา ธุรารัตน์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.ตากใบ และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบ ฐานปฏิบัติการกองร้อยป้องกันชายแดนที่ 2 ซึ่งตั้งอยู่ ม.3 บ้านศรีพะงัน ต.เกาะสะท้อน หลังถูกคนร้ายวางระเบิดและยิงถล่มฐาน เหตุเกิดในช่วงเวลา 22.38 น. ของคืนวันที่ 13 มี.ค. ที่ผ่านมา

เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบว่าที่บริเวณถนนตัดผ่านหน้าฐาน ซึ่งเป็นจุดคนร้ายลอบวางระเบิด ทำให้ถนนคอนกรีตแตกเสียหายเป็นวงกว้าง 1 เมตร และที่บริเวณอาคารสำหรับไว้เป็นที่จอดเรือยนต์ของหน่วย ซึ่งมีขนาด 8×8 เมตร ที่อยู่ริมตลิ่งของแม่น้ำสุไหงโก-ลก อยู่ในสภาพถูกสะเก็ดระเบิดได้รับความเสียหายทั้งหลัง เหลือเพียงแต่โครงไม้ให้เห็น

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบภายในฐาน ซึ่งอยู่ตรงประตูทางเข้า พบอาคารน็อคดาวน์ที่ใช้สำหรับเป็นบก.ร้อย ได้รับความเสียหาย 1 หลัง โดยโครงของอาคารน็อคดาวน์พังลงมาทับรถกระบะและรถยนต์ จำนวน 4 คัน ได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้ ประกอบด้วย 1.รถกระบะ ยี่ห้อฟอร์ด สีเทาดำ ทะเบียน ขต5820สงขลา 2.รถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีดำ ทะเบียน ฒย2446 กทม.

3. รถกระบะยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนส์ ทะเบียน บจ 3669นครศรีธรรมราช และ 4.รถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า สีน้ำเงิน ทะเบียน กค4523 กระบี่ ซึ่งในที่เกิดเหตุมีซากเศษชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่อง ที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สปิกนิค หนัก 25 ก.ก. จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร ตกกระจายเกลื่อนทั่วบริเวณ และส่วนหนึ่งตกลงในแม่น้ำสุไหงโก-ลก เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐาน

ต่อมาเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบที่บริเวณถนนหลังฐาน ซึ่งห่างไปประมาณ 100 เมตร พบปลอกกระสุนปืน เอ็ม.16 และ อาก้า จำนวนกว่า 50 ปลอก ตกอยู่ริมไหลถนน พร้อมด้วยซากเศษชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องชนิดไปป์บอมบ์ ตกอยู่ จำนวน 2 จุด ซึ่งห่างกัน ประมาณ 5 เมตร เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุคนร้าย จำนวน 5 ถึง 6 คน พร้อมอาวุธปืนครบมือ แฝงตัวมากลับความมืด ใช้ถนนหลังฐานเป็นบังเกอร์แล้วใช้อาวุธปืนเอ็ม.16 และ อาก้ายิงถล่มใส่ฐาน จากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารที่อยู่ในฐาน แยกย้ายกำลังไปที่บริเวณด้านหลังของฐาน เพื่อยิงตอบโต้ใส่กลุ่มคนร้ายนานประมาณ 5 นาที

เมื่อกลุ่มคนร้ายเห็นว่า เจ้าหน้าที่ทหารทั้งหมดแยกย้ายกันไป คนร้ายอีกชุดหนึ่งแอบขี่รถจักรยานยนต์ 3 ล้อพ่วงข้าง ที่บรรทุกระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ไว้ในถังแก็สปิกนิก หนัก 25 ก.ก. จุดชนวนระเบิดด้วยวิทยุสื่อสาร ที่คนร้ายใช้ถังพลาสติกที่ใช้สำหรับบรรจุน้ำดื่มสีขาว ตัดก้นถังแล้วนำมาครอบระเบิดไว้ เพื่อใช้อำพรางในขณะขนย้ายระเบิดมาวางที่บริเวณริมถนนหน้าฐาน

ก่อนที่คนร้ายจะหลบหนีพร้อมทั้งจุดชนวนระเบิดขึ้น ส่งผลทำให้เสียงดังสนั่นหวั่นไหว สะเก็ดระเบิดกระเด็นไปถูกอาคารสำหรับใช้เป็นที่จอดเรือได้รับความเสียหายทั้งหลัง และสะเก็ดระเบิดกระเด็นไปถูกอาคารน็อคดาวน์ ที่ใช้เป็นบก.ร้อย พร้อมเกิดเพลิงลุกไหม้ได้รับความเสียหาย

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ขณะเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งตั้งฐานอยู่ในละแวกจุดเกิดเหตุ นำกำลังมาสนับสนุน คนร้ายเห็นจวนตัวจึงนำกำลังล่าถอยไป โดยใช้ระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ ขว้างจำนวน 2 ลูก เพื่อสกัดกั้นการติดตามของเจ้าหน้าที่ และเมื่อคนร้ายพากับหลบหนีไปแล้ว เจ้าหน้าที่วิ่งมาช่วยกันดับไฟ แต่ด้วยกระแสลมแรงทำให้เปลวไฟได้ลุกลามอย่างรวดเร็ว จนเจ้าหน้าที่ไม่สามารถควบคุมต้นเพลิงเอาไว้ได้

ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ประกอบด้วย 1.จ.ส.อ.ชนะ จันทวงศ์ อายุ 42 ปี ซึ่งมีบาดแผลถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณหน้าท้อง 2. พลทหารอุเทน จันทร์มณี อายุ 23 ปี ซึ่งมีบาดแผลถูกสะเก็ดระเบิดที่ข้อเท้า และ 3.นายอาฟิ เจ๊ะสือแม อายุ 24 ปี ซึ่งเป็นชาวบ้านกำลังรับจ้างแบกลูกมะพร้าวลงเรือส่งมาเลเซีย ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 40 เมตร มีบาดแผลถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณศีรษะ เจ้าหน้าที่ทหารส่งตัวรักษาต่อที่โรงพยาบาลตากใบในช่วงคืนที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดอาการปลอดภัยแล้ว

ต่อมาเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเป็นชาวบ้านจำนวนหนึ่ง ที่กำลังรับจ้างแบกมะพร้าวอยู่ที่บริเวณท่าเทียบเรือใกล้กับจุดเกิดเหตุ มาเพื่อสอบสวนปากคำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือพัวพันหรือไม่ หากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเจ้าหน้าที่จะบันทึกประวัติไว้แล้วปล่อยตัวกลับ

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่า เป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดี เพื่อลอบดักสังหารเจ้าหน้าที่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน