พบผอ.โรงเรียน เด็กกินขนมจีนคลุกน้ำปลา ผิดวินัยร้ายแรง 6 ข้อ ศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานีเผยสอบสวนผู้ร้องเรียน ผู้ถูกร้องแล้ว พบมีประเด็นใหม่เพิ่ม จึงขยายเวลาออกไป ยันทำตรงไปตรงมา ไม่ได้ประวิงเวลา ก่อนสรุปสำนวนกว่า 1 พันหน้าส่งผู้ว่าฯ
จากกรณีโลกโซเชียลวิจารณ์ คลิปนักเรียนนั่งรับกินอาหารกลางวัน เป็นขนมจีนคลุกน้ำปลาในถาดหลุม ลักษณะเป็นเหมือนศูนย์เด็กเล็ก ระบุว่าข้อความว่า “ขนมจีนกับน้ำปลา คือ อาหารกลางวันเด็ก ของโรงเรียนบ้านท่าใหม่ ม.17 ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ฯ (เด็กโตน้ำแกงหมูสับ)” ในคลิปเป็นภาพเด็กเล็กใส่เสื้อกั๊ก บางรายมีลักษณะเหมือนขนมจีนราดแกง แต่ก็มองไม่ชัดว่าเป็นน้ำแกงอะไร ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลเป็นจำนวนมากว่า เกิดการทุจริตในโครงการอาหารกลางวัน แต่บางรายก็ให้ข้อคิดว่า อาจเป็นเพราะเด็กกินเผ็ดไม่ได้ จึงต้องราดน้ำปลา บางรายกินเผ็ดได้ก็ราดน้ำแกง นั้น
- อ่านข่าว อาหารกลางวัน ทำพิษ ศึกษาจังหวัด แจง เด็กกินขนมจีนคลุกน้ำปลา ชี้สั่ง ผอ.รร. ออกนอกพื้นที่แล้ว!
- อ่านข่าว อึ้ง! อาหารกลางวันโรงเรียน เด็กน้อยกินขนมจีนคลุกน้ำปลา แตงกวาแกล้มอีกหนึ่งชิ้น
เด็กกินขนมจีนคลุกน้ำปลา / ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 18 มี.ค. นายชุมพล ศรีสังข์ ศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยกรณี เครือข่ายผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนบ้านท่าใหม่ หมู่ 17 ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ร้องเรียนการสอบสวนทางวินัยนายสมเชาว์ สิทธิเชนทร์ ผู้อำนวยการโรงเรียน ที่ให้นักเรียนอนุบาลกินขนมจีนคลุกน้ำปลา มีความล่าช้าหลังเกิดเหตุมาร่วม 8 เดือน ว่า
คณะกรรมการสอบสวนทางวินัย สอบสวนข้อเท็จจริง 10 ข้อ พบการกระทำผิดวินัยร้ายแรง จำนวน 6 ข้อ ซึ่งการสอบสวนมีความล่าช้า เนื่องจากหลังจากสอบสวนผู้ร้องเรียนและผู้ถูกร้องแล้ว มีประเด็นใหม่เพิ่มเติมเกิดขึ้น จึงจำเป็นขยายเวลาและคณะกรรมการจะต้องลงไปสอบสวนพยานใหม่เพิ่มเติม ซึ่งทำอย่างตรงไปตรงมาไม่ได้ประวิงเวลาแต่อย่างใด
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
นายชุมพล กล่าวต่อว่า ขณะนี้การสอบสวนทั้งหมด 6 เรื่อง เป็นเรื่องวินัยร้ายแรงทั้งหมด อยู่ในขั้นตอนการรวบรวมสำนวน ทั้งหมดประมาณ 1,000 หน้า จะแล้วเสร็จในราวกลางเดือนเม.ย.นี้ จึงจะทราบผล
ก่อนรายงานให้ศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในฐานะผู้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรการสอบสวนวินัย เพื่อสรุปเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นประธาน พิจารณาเสนอต่อปลัดกระทรวงศึกษาธิการออกคำสั่งต่อไป
