ปัตตานีป่วน กู้ระทึก “โคโค นัต บอมบ์” ยัดใส่ถุงดำวางริมกำแพงทางเข้าโรงเรียน ตรวจสอบเป็นของปลอม มีลูกมะพร้าว กับทราย คาดต้องการก่อกวนให้เกิดความวุ่นวาย ที่ระแงะ นราฯ เจอจยย.ต้องสงสัย พบซุกซ่อนระเบิดพร้อมใช้งาน ตรวจสอบพบเป็นรถของชาวบ้านที่ถูกยิงเสียชีวิต แล้วคนร้ายขโมยหลบหนีไป ขณะที่ “บิ๊กตู่” ระบุยังไม่เซ็นตั้งครม.ส่วนหน้าแก้ไฟใต้ ส่วน “บิ๊กโด่ง” เผยหากได้รับมอบหมายก็พร้อมทำงาน

เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 27 ก.ย. ทหาร ฉก.ปัตตานี 24 รับแจ้งเหตุจาก ผอ.โรงเรียนบ้านตลาดนัดคลองขุด อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ว่าพบวัตถุต้องสงสัยวางอยู่ด้านหน้ากำแพงประตูทางเข้าโรงเรียน จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่รุดไปตรวจสอบพบวัตถุต้องสงสัย เป็นถุงพลาสติกสีดำใส่ขยะ มัดปากถุง ภายในถุงมีมะพร้าว 1 ลูก และทรายจำนวนหนึ่ง ตรวจสอบไม่พบวัตถุระเบิดแสวงเครื่องแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน และจะตรวจหาลายนิ้วมือแฝงหาเบาะแสผู้นำมาวางต่อไป

จากการสันนิษฐานเบื้องต้นคาดว่า เป็น การก่อกวนของฝ่ายตรงข้ามเจ้าหน้าที่รัฐ โดยก่อนหน้านี้หน่วยความมั่นคงแจ้งเตือนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยพบเบาะแสว่ากลุ่มก่อความไม่สงบอาจประกอบวัตถุระเบิดแสวงเครื่องซุกซ่อนในลูกมะพร้าว หรือโคโคนัตบอมบ์ เพื่ออำพรางและนำไป ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด จ.นราธิวาส เข้าตรวจสอบรถจักรยาน ยนต์ในป่าพื้นที่หมู่ 2 บ้านกลูโฆ ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ภายหลังมีประชาชนแจ้งเบาะแสว่าอาจซุกซ่อนวัตถุระเบิด ตรวจสอบพบวัตถุระเบิดแสวงเครื่องในสภาพพร้อมใช้งาน อาวุธปืนลูกซอง 5 นัด 1 กระบอก ซองกระสุนปืนอาก้า 1 ซอง ลูกระเบิดแบบขว้าง 1 ลูก และกล่องวงจรจุดระเบิด 2 กล่อง ตรวจสอบจักรยานยนต์ทราบว่าเป็นของนางสุวรรณา พรหมกา ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตในพื้นที่ อ.ระแงะ เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา และคนร้ายขโมยรถจักรยาน ยนต์หลบหนีไปด้วย

วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงความคืบหน้าตั้งผู้แทนพิเศษรัฐบาลส่วนหน้าเพื่อแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ยังตั้งไม่ได้ ยังไม่ใช่เวลาช่วงนี้ กำลังทำ งานกันอยู่ ถ้าลงไปทำงานก็ต้องบูรณาการทั้งการพัฒนากับด้านความมั่นคง คือกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ไปดูในพื้นที่ว่าประสานกันดีหรือยัง งบประมาณแผนงานโครงการสอดคล้องกันหรือไม่ จะได้ทำงานเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ไม่เช่นนั้นฝ่ายการเมืองอาจจะใช้กลไกเหล่านี้ไปเดิน

“ต้องระมัดระวังไม่ให้ต่างประเทศเข้ามาแก้ปัญหาให้ เตือนหลายครั้งแล้วว่าอย่าไปเรียกเขามาเลย เพราะเป็นปัญหาภายในของเรา ต้องแก้กันให้ได้ ถ้าต่างประเทศเข้าก็ง่ายๆ หยุด 2 ฝ่ายเลิก ลงประชามติใครจะไปอยู่ไหน แล้วมันจะเสียหาย วันนี้ใช้ทหารไปดูแลประชาชนในพื้นที่ 2 ล้านคนเป็นมุสลิม 90 เปอร์เซ็นต์ แน่นอนคนกลุ่มน้อยก็จะถูกรังแกด้วยการยุยงปลุกปั่น เราก็อย่าไปช่วยเขา ที่ผ่านมาเขาก็อยู่กันได้ปกติ ผมก็ยังเป็นกังวล เพราะในทางปฏิบัติมันซับซ้อน พยายามจะเดินหน้าให้ได้ จะส่วนหน้าหรือส่วนไหนมาจากผมทั้งนั้น ตนก็สั่งตรงทั้งหมด และต้องทำงาน ถ้าไม่ทำงานผมก็แก้ไข” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าคาดหวังกับรัฐมนตรีส่วนหน้าที่จะลงไปแก้ปัญหา และการพูดคุยสันติสุขหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่าการพูดคุยสันติสุขอยู่ที่คนพูดด้วยว่ายอมทำตามที่พูดด้วยหรือเปล่า ยอมยุติความรุนแรงไหม ถ้าไม่ยอมจะไปทำอะไรได้ ก็ต้องไล่ล่าปราบปรามอยู่อย่างนี้

ส่วนพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯ และรมว.กลาโหม กล่าวถึงเรื่องการแต่งตั้งครม.ส่วนหน้าแก้ไฟใต้ว่า ไม่มีการพูดคุยเรื่องนี้ในที่ประชุมครม. แต่พล.อ.ประยุทธ์เห็นรายชื่อที่เสนอทั้งหมดแล้ว และจะประกาศรายชื่อออกมา โดยครม.ส่วนหน้าจะทำให้การทำงานของ ศอ.บต. และ กอ.รมน.ภาค 4 คล่องตัวมากขึ้น เพราะจะมีคนที่มีความรู้ความสามารถอยู่ในคณะนี้ลงไปกำกับดูแล เป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำ

“ครม.ส่วนหน้านี้เปรียบเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของผม เพราะผมเป็นประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) ผมเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล เมื่อรัฐบาลตั้ง คปต. และผมเป็นผู้ดูแล รัฐมนตรีทั้งหมดก็ไม่ได้มีเวลามาดูแล ดังนั้นผมคิดว่าถ้าผมไม่ลงไปดูแลเอง ก็ควรมี คปต.ส่วนหน้า แทนที่จะขอใช้กำลังพลจาก คปต.โดยตรง ก็ใช้เป็นครม.ส่วนหน้า โดยให้รัฐบาลส่งรัฐมนตรีมาช่วย เพื่อติดต่อกับนายกฯ ได้โดยตรง” พล.อ.ประวิตรกล่าว

ขณะที่ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ซึ่งคาดว่ามีชื่ออยู่ในครม.ส่วนหน้า กล่าวว่าต้องรอผู้บัญชาการสั่งมาก่อน ปัญหาภาคใต้ถือเป็นปัญหาที่รัฐบาล และรองนายกฯ ตั้งใจแก้ปัญหาให้ดีขึ้น แม้จะไม่ได้ยุติภายในเร็ววัน แต่จะต้องดีขึ้นให้ได้โดยเร็ว

ต่อข้อถามว่าหากได้รับมอบหมายจะลงไปอยู่ในพื้นที่เลยหรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่าขอดูคำสั่งว่าจะให้ทำอย่างไร หากได้รับมอบหมายก็จะต้องทำให้ได้ คิดว่าผู้ใหญ่คงดูความเหมาะสม ความรู้ความสามารถ ก่อนจะสั่งลงมา ไม่ว่าจะเป็นใครมาทำงาน น่าจะรวมตัวกันได้ ไม่คิดว่าจะมีปัญหา เพราะคนทำงานภาคใต้รู้จักกันหมด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน