ประธานฝ่ายกู้ภัยสว่างเมตตาโคราช ชื่นชมจนท.กู้ภัยควบคุมอารมณ์โต้ตอบชาย อ้างเป็นปลัด ชี้หน้าด่ากู้ภัยช่วยคนเจ็บ ขอให้เป็นเคสอุทาหรณ์สำหรับข้าราชการผู้ใหญ่

กรณีโลกออนไลน์แชร์คลิป เมื่อวันที่ 27 พ.ค. กู้ภัยสว่างเมตตาธรรมสถาน ได้รับแจ้งเหตุว่ามีรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ ที่แยกร่วมเริงไชย ถ.ร่วมเริงไชย ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นผู้หญิง 2 ราย ก่อนนำผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่งรพ.มหาราชนครราชสีมา โดยช่วงที่เกิดเหตุเป็นเวลาเลิกงาน ทำให้การจราจรติดขัดเล็กน้อย ก่อนมีชายแต่งตัวคล้ายข้าราชการ อ้างว่าเป็นปลัด ลงจากรถแท็กซี่ มายืนชี้หน้าด่าอาสาสมัครกู้ภัย ก่อนที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ออกมายอมรับว่า ชาวคนดังกล่าวเป็นบุคลากรในสังกัด อบจ.นครราชสีมาจริง แต่ไม่ใช่ปลัด สั่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัย ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

อ้างเป็นปลัด / ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 29 พ.ค. นายสุเทพ ณัฐกานต์กนก ประธานฝ่ายกู้ชีพกู้ภัยสว่างเมตตาธรรมสถานนครราชสีมา และคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน (สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนเป็นเรื่องเป็นราว ทางองค์กรมูลนิธิราชสมาคมไม่แสวงหากำไรทั่วประเทศ โทรศัพท์มาสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเป็นห่วงเป็นใย

ซึ่งตนก็ไม่ได้อธิบายอะไรมาก อยากให้ดูคลิปเหตุการณ์ทั้งหมด ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียใจว่า คู่กรณีอาจจะขาดสติในการหยั่งคิด เพราะกู้ชีพกู้ภัย ทุกคนไม่มีเงินเดือน มีแต่จะทำความดีเพื่อประชาชน เมื่อเกิดอุบัติเหตุต่างๆ กู้ชีพก็จะไปปฏิบัติหน้าที่จนสุดความสามารถ และตามขั้นตอนที่ผ่านการฝึกอบรม ไม่ว่าจะเป็น สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ตำรวจ ซึ่งจากการดูภาพมอเตอร์ไซค์ทั้ง 2 คัน ก็ไม่มีการขยับเขยื้อนและอยู่ชิดขอบทางอยู่แล้ว

ซึ่งในแง่การปฏิบัติหากเกิดอุบัติเหตุจะต้องอยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยจะต้องรอร้อยเวรเจ้าของคดีมาดู และสั่งการต่อไป ถึงจะขยับรถในที่เกิดเหตุได้ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวก็เป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด จนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น

ทั้งนี้ ต้องขอชื่นชมกู้ชีพกู้ภัย ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามขั้นตอนทุกประการ และชี้แนะเกี่ยวกับการเข้าไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนตามขั้นตอน โดยคำนึงถึงผู้บาดเจ็บก่อน และลดอารมณ์ในการโต้ตอบทำให้เกิดปัญหาบานปลาย ซึ่งทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา โทรศัพท์มาขอโทษเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ แล้ว ส่วนเรื่องราวต่างๆ ของคู่กรณีนั้น เห็นว่าตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงแล้ว และขอให้เคสนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับข้าราชการผู้ใหญ่ต่อไปด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน