ผู้ใหญ่บ้านจุมจัง จ.กาฬสินธุ์ แจงคลิปไม่ได้ขู่วงหมอลำให้เล่นแถมต่อ ในงานประเพณีบุญบั้งไฟ ตามคลิปที่แชร์กัน ยันแค่เทคนิคพูดห้ามไม่วัยรุ่นทะเลาะกับนักแสดง ขอโทษทุกคนที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

กรณีมีผู้นำคลิปวีดีโอความยาวประมาณ 1.19 นาที โพสต์ลงทางเฟซบุ๊กก่อนแชร์กันในโลกโซเชียล โดยคลิปดังกล่าวมีข้อความ ระบุว่า มีผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งใน จ.กาฬสินธุ์ ขึ้นไปบนเวทีการแสดงหมอลำ พร้อมพูดจาลักษณะคล้ายข่มขู่วงดนตรีหมอลำ เพื่อให้วงเล่นแถมต่ออีก 30 นาที โดยพูดหากไม่ทำตามคำขอ จะไม่รับรองความปลอดภัย และอาจจะพังงานด้วย ถ้าจำเป็นติดคุกก็ต้องติดคุกกันทั้งหมู่บ้าน จนสุดท้ายวงดนตรี ยอมเล่นดนตรีแถมตามคำขู่ ซึ่งหลังจากคลิปถูกเผยแพร่ออกไปทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในโลกโซเชียลนั้น

ขู่วงดนตรีหมอลำ / ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่เข้าสอบถามข้อเท็จจริง เกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับ นายกวีพันธ์ ศรีวาดมา อายุ 50 ปี ผู้ใหญ่บ้านจุมจัง หมู่ที่ 1 ต.จุมจัง อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นผู้ถูกถ่ายคลิป

นายกวีพันธ์ ยอมรับว่า เป็นผู้ที่อยู่ในคลิปจริง แต่ยืนยันว่าไม่ได้ข่มขู่ เพียงแต่เป็นการขึ้นไปพูดห้ามกลุ่มวัยรุ่นที่กำลังจะหาเรื่อง เนื่องจากไม่พอใจการแสดงของวงหมอลำ อีกทั้งคลิปดังกล่าวไม่ใช่คลิปเต็ม แต่เป็นนำคลิปบางส่วนมาเผยแพร่ จนทำให้เกิดความเข้าใจผิด

นายกวีพันธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งที่บ้านจุมจังร่วมกันจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟประจำปี โดยในงานจ้างวงดนตรีหมอลำมาแสดงที่บริเวณลานเอนกประสงค์ของตลาดภายในหมู่บ้าน ซึ่งตามข้อตกลงสัญญาในการว่าจ้างนั้น วงดนตรีหมอลำจะต้องเริ่มแสดงเวลา 11.00-17.00 น. พร้อมกับตกลงกันด้วยวาจาจะเล่นแถมให้อีก 1 ชั่วโมง แต่พอถึงเวลาวงดนตรีเดินทางมาแสดงล่าช้ากว่าเวลาที่กำหนดไว้

อีกทั้งในช่วงระหว่างการแสดงนั้น เกิดสภาพอากาศท้องฟ้ามืดครึ้ม มีลมแรงเหมือนฝนจะตก ทำให้ต้องหยุดแสดงไปพักใหญ่ ก่อนจะกลับมาแสดงต่อ กระทั่งถึงช่วงเวลาประมาณ 17.30 น. วงดนตรีกำลังจะหยุดแสดง ทำให้กลุ่มวัยรุ่นหลายสิบคน ทั้งในหมู่บ้านและหมู่บ้านใกล้เคียงประมาณ 3 กลุ่มใหญ่ ที่กำลังติดลม และเต้นกันอย่างสนุกหน้าเวทีเกิดความไม่พอใจ พร้อมกับตะโกนพูดจาในลักษณะที่จะหาเรื่อง และพยายามที่จะเข้าไปต่อรองกับวงดนตรี เพื่อให้แสดงต่ออีก ซึ่งเป็นการขอแถมอีกสัก 5-6 เพลง

ผู้ใหญ่บ้านจุมจัง กล่าวต่อว่า ในช่วงนั้นตนเห็นเหตุการณ์ และได้ยินกลุ่มวัยรุ่นตะโกนในเชิงลักษณะขู่วงหมอลำอยู่ตลอดเวลา ประกอบกับในเวลานั้นกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ในอาการคึกคะนอง และมีจำนวนมากกำลังจะเข้าไปหาเรื่องกับวงดนตรีหมอลำ ซึ่งทางตนและคณะกรรมการเกรงว่าเรื่องจะบานปลาย ไม่อยากให้มีการทะเลาะวิวาทกัน ตนจึงตัดสินใจขึ้นไปบนเวที พร้อมกลับนำไมค์มาพูด ทั้งนี้ในการพูดของตนนั้นเป็นการใช้เทคนิคในการพูดปรามไม่ให้เกิดเรื่องขึ้น

“มีบางช่วงบางตอนที่นำคำพูดของกลุ่มวัยรุ่นที่ข่มขู่มาพูด เพื่อให้กลุ่มวัยรุ่นได้ระงับสติอารมณ์ ไม่ให้ก่อเรื่อง พร้อมกับเจรจากับวงดนตรีให้แสดงต่อ จนสุดท้ายเหตุการณ์ก็ผ่านพ้นไปด้วยดี แต่คลิปที่ถูกนำไปลงในโลกโซเชียลนั้น น่าเป็นการตัดเอาบางช่วงบางตอน ไปเผยแพร่ทำให้คนฟังเข้าใจผิด ยืนยันว่าการที่ขึ้นไปบนเวทีนั้น ผมไม่ได้ข่มขู่ แต่เป็นการขึ้นไปพูดเพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าใจกัน เพื่อเป็นการป้องกันเกิดเรื่องทะเลาะวิวาทเท่านั้น” นายกวีพันธ์ กล่าว

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

นายกวีพันธ์ กล่าวอีกว่า เรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นตนก็ต้องขอกราบขอโทษทีมงาน คณะกรรมการ ผู้นำชุมชนทุกหมู่บ้าน ประชาชนทุกคน รวมทั้งวงดนตรีหมอลำด้วย ที่เรื่องดังกล่าวทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของหมู่บ้าน แต่อยากฝากคนที่นำภาพลงไปโพสต์ก็ต้องคำนึงถึงความเป็นจริง และต้องดูเหตุการณ์จริงด้วย เพราะอาจจะทำให้ชาวบ้านเกิดความไม่สบายใจ และอาจจะเกิดความแตกแยก ซึ่งขัดกับวัตถุประสงค์ของงานประเพณีบุญบั้งไฟที่นอกจากจะรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม และยังต้องการสร้างความสมัครสมานสามัคคีของคนในชุมชนอีกด้วย

ภาพจาก เฟซบุ๊กแจ้งข่าวชาวร้อยเอ็ด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน