หนูน้อยวัย 8 ขวบ มีชีวิตที่น่าสงสาร ที่ป่วยพิการแขนขาไม่เท่ากัน และเป็นโรคปากแหว่งเพดานโหว่ ต้องต่อสู้ชีวิต ออกไปทำงานเป็นมัคคุเทศก์น้อยที่แก่งหินงาม จ.อุบลราชธานี หวังเพื่อจะได้เงินมาช่วยเหลือพ่อแม่และรักษาตนเอง ให้รีบหายกลับมาเป็นปกติเหมือนเด็กคนอื่นๆ

เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2560 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า พบเด็กชายอายุ 8 ขวบ ซึ่งเป็นเด็กพิการแขนขาลีบ และยังป่วยเป็นโรคปากแหว่งเพดานโหว่ แต่ยังต่อสู้ชีวิตทำงานเป็นมัคคุเทศก์น้อย นำนักท่องเที่ยว เที่ยวชมแก่งหินงาม-หาดชมดู เพื่อหาเงินเพียงเล็กน้อย ช่วยเหลือแม่ และเก็บเงินไว้เดินทางไปรักษาตัวเอง อย่างน่าสงสารและชื่นชมกับความมานะพยายามด้วย

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบที่บริเวณแก่งหินงาม–หาดชมดาว ที่บ้านนาตาล ต.นาตาล อ.นาตาล จ.อุบลราชธานี ซึ่งโชคดีที่ทีมข่าวได้พบกับน้องฟ็อก หรือ เด็กชายอนุวัฒน์ หลีน้อย อายุ 8 ขวบ กำลังเรียนอยู่ชั้น ป.2 โรงเรียนดำรงวิทยา อ.นาตาล จ.อุบลราชธานี ซึ่งน้องฟ็อก ได้มาเป็นไกด์นำเที่ยวให้ พร้อมกับพี่ชายของน้องฟ็อก คือ เด็กชายภูเบศวร์ หลีน้อย อายุ 12 ปี สองพี่น้องที่มาทำงานเป็นมัคคุเทศก์น้อย หารายได้พิเศษช่วยเหลือคุณแม่ และยังหาเงินเพื่อรักษาอาการป่วยของน้องฟ๊อก ที่จะต้องเดินทางไปรักษาที่โรงพยาบาลปากน้ำ อ.ปากน้ำ จ.สมุทรปราการ

นางมณีออน หลีน้อย อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 149 หมู่ที่ 10 ต.นาตาล อ.นาตาล จ.อุบลราชธานี คุณแม่ของนองฟ็อก กล่าวว่า น้องฟ็อกมีความผิดปกติด้านร่างกายมาแต่กำเนิด คือทั้งขาและแขนฝั่งด้านซ้าย จะเล็กกว่าฝั่งด้านขวา หรือที่เรียกว่าแขนลีบข้างเดียว ซึ่งเวลาเดินก็ไม่เท่ากัน ส่วนแขนซ้ายบางครั้งก็อ่อนแรง ซึ่งได้พาไปหาแพทย์ ก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นโรคอะไร และสามารถรักษาได้หรือไม่ จึงจำเป็นต้องปล่อยไป ซึ่งน้องฟ็อกก็ใช้ชีวิตปกติ เล่นและทำงานได้เหมือนกับคนที่สมบูรณ์ ซึ่งแขนขาที่ลีบ หากไม่สังเกตก็จะไม่เห็นความแตกต่างชัดเจนเท่าไหร่ อีกทั้งน้องฟ็อกยังมีอาการปากแหว่งเพดานโหว่ ซึ่งต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโชคดีที่น้องได้เข้าร่วมโครงการช่วยเหลือของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จึงได้รับการช่วยเหลือในการรักษาฟรี แต่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปรักษาที่โรงพยาบาลในจังหวัดสมุทรปราการอย่างต่อเนื่อง จึงต้องมีภาระในการเดินทางอยู่เป็นประจำ ซึ่งตนเองมีอาชีพขายน้ำที่สถานที่ท่องเที่ยวแก่งหินงาม–หาดชมดาว ให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งรายได้วันหนึ่งก็ไม่แน่นอน ส่วนสามีของตนไปรับจ้างใช้แรงงานที่ จังหวัดสมุทรปราการ นานๆจึงจะมีโอกาสได้กลับบ้าน ซึ่งตอนนี้ตนมีลูกทั้งหมด 4 คน คนโตและน้องฟ็อก ซึ่งเติบโตมากับแก่งหินงามอยู่แล้ว และทางชุมชนได้รวมตัวกันเพื่อจัดให้มีไกด์นำเที่ยว หรือมัคคุเทศก์น้อย ตนจึงให้น้องฟ็อกและพี่ชายมาสมัครเป็นมัคคุเทศก์น้อย เพื่อหารายได้ช่วยเหลืออีกทางหนึ่ง

เด็กชายภูเบศวร์ หลีน้อย อายุ 12 ปี พี่ชายของน้องฟ็อก เล่าว่า ตนและน้องชายได้มาเป็นมุคคุเทศก์น้อยประมาณ 6 เดือนแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะมาทำงานในวันหยุดเสาร์–อาทิตย์ แต่ช่วงนี้เปิดภาคเรียนแล้ว จึงได้มาหาเงินช่วยแม่ทุกวันกับน้องชาย เพื่อจะลดภาระคุณแม่และพ่อ และช่วยหาเงินไปรักษาน้องฟ็อกอีกทางด้วย ซึ่งวันหนึ่งตนและน้องชายรวมเงินกันได้ประมาณวันละ 200 บาท หากวันไหนนักท่องเที่ยวใจดี ก็อาจจะได้ถึงวันและ 500 บาท ซึ่งหน้าที่ของมัคคุเทศก์น้อยที่แก่งหินงาม ก็จะพานักท่องเที่ยวเดินดูตามจุดถ่ายรูปที่สำคัญ เช่น หน้าผาวัดใจ และประติมากรรมแม่น้ำโขง ที่บริเวณแก่ง ซึ่งระยะทางทั้งหมดหากเดินทางไปกลับก็ประมาณ 2 กิโลเมตร ต่อ 1 รอบ ซึ่งค่าจ้างก็ขึ้นอยู่กับนักท่องเที่ยว บางครั้งก็ได้ครั้งละ 100–200 บาท ต่อรอบ

ขณะที่น้องฟ็อก ซึ่งมีอาการพิการแขนขาลีบและปากแหว่งเพดานโหว่ จะพูดไม่ชัดเจน ซึ่งหากใครสงสารก็จะได้เงินรางวัลเยอะหน่อย แต่ก็มีคนรังเกียจไม่เลือกน้องฟ็อกไปเป็นไกด์ ถึงอย่างไรก็ตามตนก็จะพยายามทำงานเพื่อช่วยเหลือน้องฟ็อกและครอบครัวให้มากที่สุด และก็มีความหวังว่าวันหนึ่งน้องฟ็อกจะกลับมาหายเป็นปกติเหมือนบุคคลอื่น แต่การที่น้องฟ็อกเข้ามาทำงานหาเงินช่วยเหลือตัวเอง ก็ถือเป็นพลัง กำลังใจที่น้องฟ็อกอยากจะรีบรักษาให้หายเป็นปกติให้เร็วที่สุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน