วันที่ 21 มี.ค. นายสมศักดิ์ ปัญชา อายุ 44 ปี เจ้าของรีสอร์ทปัญชา เลขที่ 137 หมู่ 17 บ้านโคกศรีสำราญ ต.เสอเพลอ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี เข้าร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าวว่าถูกวัยรุ่น 3 คน เข้าไปงัดห้องในรีสอร์ท แล้วขโมยเหล้า เครื่องดื่มและนม ไปดื่มแถมถือปืนโชว์ขู่ แล้วยังถอดกล้องวงจรปิดทิ้ง หลังเข้าแจ้งตำรวจพร้อมนำดูภาพที่กล้องวงจรปิดบันทึกไว้ให้ด้วยแต่กลับไม่มีความคืบหน้า จึงหวั่นจะโดนซ้ำอีก เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา

จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่ามีชายวัยรุ่น 2 คน และหญิงวัยรุ่น 1 คน อายุไม่เกิน 20 ปี ขี่รถจยย. แบบหญิงซ้อน 3 กัน เข้ามาจอดอยู่บริเวณด้านหลังรีสอร์ท โดยชายคนแรกใส่เสื้อสีเทา นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ และ คนที่สองใส่เสื้อกีฬาแขนสั้นสีส้ม นุ่งกางเกงขาสั้นสีขาว ได้เดินไปสำรวจตามห้องพักต่างๆ ส่วนผู้หญิงใส่เสื้อคลุมสีส้ม นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ นั่งรออยู่ที่เก้าอี้ด้านหลังรีสอร์ท จากนั้นชายวัยรุ่นคนแรกก็ได้งัดประตูแล้วปีนเข้าไปในห้องรื้อค้นหาทรัพย์สินที่ค่า ซึ่งนายสมศักดิ์ ไม่ได้เก็บไว้มีเพียงเครื่องดื่มในตู้เย็นที่แช่ไว้จำหน่ายให้กับลูกค้าที่มาพักกับสุราอีก 2 ขวด

จากนั้นคนร้ายคนแรกก็ได้นำเครื่องดื่มและสุราออกไป นั่งดื่มกับเพื่อนชาย-หญิงที่มาด้วยกันที่โต๊ะด้านหลังรีสอร์ท พร้อมกับเปิดเพลงจากโทรศัพท์มือ ออกลีลาเต้นรำอย่างสนุกสนาน เวลาผ่านไปประมาณ 30 นาที คนร้ายคนแรกเห็นกล้องวงจรปิดก็ได้ชักอาวุธปืนแม็กกาซีน ออกมาจากเอวด้านซ้าย ขึ้นมาโชว์ที่หน้ากล้องวงจรปิด พร้อมกับยกนิ้วกลาง และพูดจาข่มขู่ผ่านกล้องวงจรปิด แต่เป็นกล้องวงจรปิดรุ่นนี้ไม่สามารถบันทึกเสียงได้ จากนั้นคนร้ายยังไปถอดปลั๊กไฟ, สายสัญญาณและตัวกล้องออกไปโยนทิ้งด้วย ก่อนที่คนร้ายทั้ง 3 คน จะขึ้นรถ จยย.หลบหนีไป

นายสมศักดิ์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่เปิดรีสอร์ทนี้มาได้ 3 ปี ก็เพิ่งพบเห็นเหตุการณ์เช่นนี้เป็นครั้งแรก ในคืนเกิดเหตุตนกลับไปพักอยู่ที่บ้าน ตามปกติถ้าไม่มีลูกค้ามาพักในรีสอร์ท ตนก็จะปิดรีสอร์ทไว้ และตรวจเช็คความเรียบร้อยในรีสอร์ทด้วยโทรศัพท์มือถือผ่านกล้องวงจรปิด หลังเกิดเหตุแล้วก็ได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.กุมภวาปี พร้อมนำหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดให้เจ้าหน้าที่ด้วย ซึ่งทางตำรวจก็เพียงแต่รับเรื่องเอาไว้ ขอสำเนาชื่อและที่อยู่ พร้อมกับเบอร์โทรศัพท์ของตนไว้ ไม่ได้ลงบันทึกประจำวันพร้อมบอกว่าจะให้ตำรวจชุดสืบสวนไปติดต่อภายหลัง ทำให้ตนงงมากเพราะว่าหลักฐาน รูปพรรณของคนร้ายพร้อมอาวุธปืนจากภาพกล้องวงจรปิดที่นำมาให้แล้ว แต่ทำไมตำรวจจึงไม่ดำเนินการหรือลงบันทึกประจำวัน

นายสมศักดิ์ กล่าวต่ออีกว่าหลังจากที่ตนได้นำรูปพรรณของคนร้ายจากภาพกล้องวงปิดไปให้ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านที่อยู่ใกล้รีสอร์ทดูก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ใช่คนในพื้นที่แน่ คิดว่าอาจจะเป็นวัยรุ่นต่างถิ่นมาจากที่อื่น หรือเป็นคนที่เคยใช้บริการที่ร้านอินเตอร์เน็ต และเมื่อตนเห็นว่าเรื่องเงียบตำรวจก็ไม่มีใครมาสนใจหรือติดตามคดีให้เลย จึงได้นำข้อมูลกับภาพกล้องวงจรปิด ลงบนโลกโซเซียล เพื่อให้คนรู้จักหรือเคยเห็นวัยรุ่นทั้ง 3 คน แจ้งเบาะแสจะให้ตำรวจไปทำการจับกุมดังกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน