จิตอาสา 904 วปร. หลักสูตรพื้นฐานรุ่น 1/62 ช่วยป้องกันโรคไข้เลือดออก

เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ที่วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร สมเด็จพระวันรัต กรรมการมหาเถรสมาคม ผู้ปฏิบัติหน้าที่เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ประธานฝ่ายสงฆ์ ให้โอวาทเปิดโครงการรณรงค์ จิตอาสาพัฒนาสิ่งแวดล้อม ป้องกันโรคไข้เลือดออก และนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค ร่วมกับ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นประธานเปิดกิจกรรม จิตอาสาพัฒนาสิ่งแวดล้อม ป้องกันโรคไข้เลือดออก

พร้อมด้วย นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการเขตพระนคร นายชวินทร์ ศิรินาค ผู้อำนวยการสำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร และแพทย์หญิงชีวนันท์ เลิศพิริยสุวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง เพื่อสร้างองค์ความรู้และความตระหนักในการป้องกันตนเองของประชาชน และสร้างความรับผิดชอบต่อส่วนรวมในการลดแหล่งเพราะพันธุ์ยุงในสถานที่ชุมชนและสถานที่สำคัญต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการป่วยไข้เลือดออกของประชาชน

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากสถานการณ์โรคไข้เลือดออกที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่า ในปี 2562 นี้ จะมีการระบาดอย่างต่อเนื่องและตลอดทั้งปี จะพบผู้ป่วยถึง 100,000 ราย จากรายงานสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 18 มิถุนายน 2562 พบผู้ป่วย 31,843 ราย เสียชีวิต 48 ราย ซึ่งพื้นที่การระบาดกระจายอยู่ในทุกภาคทั่วประเทศ โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีผู้คนอยู่รวมกัน เช่น ชุมชน วัด โรงเรียน และโรงพยาบาล เป็นต้น

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จึงร่วมมือกับ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย จัดทำโครงการรณรงค์ จิตอาสาพัฒนาสิ่งแวดล้อม ป้องกันโรคไข้เลือดออก ขึ้นเพื่อเป็นแบบอย่างและสร้างความตระหนักต่อสถานการณ์ของ โรคไข้เลือดออกแก่เครือข่ายและประชาชนในทุกระดับ ทุกพื้นที่ และระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม

และ ในวันที่ 26 มิถุนายน 2562 นี้ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก จะเจริญพระชันษา 92 ปี จึงเป็นโอกาสดีที่พวกเราจะร่วมกันทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์เพื่อเทิดพระเกียรติแด่พระองค์ โดยกิจกรรมประกอบด้วย การกำจัดขยะ ภาชนะที่มีนํ้าขัง ทำความสะอาดบริเวณวัด และรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชน

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ในฐานะ จิตอาสา 904 หลักสูตรพื้นฐาน รุ่นที่ 1/62 กล่าวด้วยว่า ที่พวกเราทุกคนมารวมกันทำกิจกรรมในวันนี้ เพราะจากที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยและทรงคำนึงถึงความอยู่ดีมีสุขของประชาชน ทรงเห็นปัญหาของสังคมไทย ที่ทุกวันนี้ผู้คนใช้ชีวิตแบบตัวใครตัวมันมากขึ้น พระองค์จึงทรงมีพระราชปณิธานแน่วแน่ที่จะปลุกความเป็นจิตอาสาของคนในสังคมให้กลับคืนมา โดยทรงเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วประเทศ สมัครเข้าร่วมเป็น “จิตอาสาพระราชทาน 904 วปร.”

โดยผู้สมัครทุกคนจะได้รับเครื่องแบบ เครื่องหมาย หมวกแก๊ป ผ้าพันคอ และบัตรประจำตัวจิตอาสาสีฟ้า ซึ่งพระองค์ท่านทรงออกแบบด้วยพระองค์เอง ทั้งยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อ “904 วปร.” ให้อยู่ในชื่อของจิตอาสานี้ด้วย นับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งต่อพวกเราชาวจิตอาสาทุกคน

ในเครื่องแบบจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. อันเป็นสิริมงคลนี้ ไม่ว่าจะเป็นลวดลายที่ปรากฏบนเสื้อ หรือผ้าพันคอ จะมีภาพการ์ตูนฝีพระหัตถ์ ที่ตอกย้ำว่า เราทุกคนต้องร่วมกันทำความดีด้วยหัวใจ มีความเป็นจิตอาสา มีความเสียสละ เพราะพระองค์ท่านต้องการเห็นสังคมที่ดีขึ้น

ส่วนสีที่อยู่ในเครื่องแบบ สำหรับสีเหลืองนั้น คือสีประจำวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสีฟ้า คือสีประจำวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่เมื่อพวกเราชาวจิตอาสาได้สวมเครื่องแบบนี้ จะถือว่าเป็นบุญ และเป็นมงคลอย่างยิ่งต่อชีวิต

อย่างเช่นที่สมเด็จพระวันรัต ได้ประทานโอวาทไว้ด้วยว่า วันนี้ถือว่าเป็นมงคลยิ่งของชีวิต ที่เราได้มาช่วยกันบำเพ็ญประโยชน์เป็นจิตอาสา ช่วยให้บ้านเมืองดีขึ้น ประชาชนได้มีความสุข คนทำก็จะเจริญรุ่งเรือง การมาร่วมกันในวันนี้ ก็เท่ากับได้มาร่วมแสดงความจงรักภักดี ได้ทำสิ่งที่ดีเป็นมงคล ก็ขอให้ช่วยกันทำเช่นนี้ต่อไป ไม่ใช่ทำแค่เฉพาะวันนี้ เพื่อเป็นการสานต่อพระราโชบายของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่ใช่เป็นแค่กิจกรรมไฟไหม้ฟาง ให้ความเป็นจิตอาสาฝังอยู่ในใจของเราทุกคน

จึงอยากขอแรงผู้ที่เป็นเสมือนบัวที่พ้นน้ำ เป็นผู้รู้แจ้งเห็นจริง ช่วยกันประชาสัมพันธ์กระจายข่าวให้พี่น้องประชาชนได้มีความเข้าใจ ได้เกิดอุดมการณ์ของความเป็นจิตอาสา ถึงแม้จะยังไม่ได้เข้าสมัครเป็น “จิตอาสาพระราชทาน 904 วปร.” ในทางนิตินัยก็ตาม แต่ก็สามารถเป็นจิตอาสาทางพฤตินัยได้เช่นกัน

นายสุทธิพงษ์ ยังได้กล่าวถึงการรณรงค์เพื่อป้องกันโรคติดต่อโดยยุงว่า วันนี้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้ร่วมกับจิตอาสาของกรมควบคุมโรค ทำบุญให้กับพี่น้องชาวไทย โดยกิจกรรมในวันนี้ เป็นกิจกรรมที่ช่วยลดการเกิดโรคไข้เลือดออก ได้ช่วยทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งการบำเพ็ญประโยชน์ที่เป็นกุศลนี้ พวกเราพร้อมใจถวายเป็นพระกุศล พระชนมายุ 92 พรรษา สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ซึ่งพวกเราชาวจิตอาสา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั้ง 7,851 แห่ง จะไม่ทำแค่เพียง 1 วันเท่านั้น แต่เราจะทำกันทุกสัปดาห์ เพื่อเป็นการตัดวงจรชีวิตของยุงลาย

นอกจากนี้ กรมฯ ยังขอให้ทุก อปท. ดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวพันกับวงจรของยุงด้วย เช่น เรื่องการคัดแยกขยะ การปลูกฝังตามหลักการตามแนวทาง 3 Rs คือ Reduce ใช้น้อย Reuse ใช้ซ้ำ และ Recycle นำกลับมาใช้ใหม่ โดยเฉพาะการจัดทำถังขยะเปียกครัวเรือน ที่เป็นการคัดแยกขยะเปียกออกจากขยะทั่วไป เพราะขยะเปียกเหล่านั้น จะทำให้เกิดการเน่าเสีย เป็นแหล่งเพราะพันธ์ยุง ทั้งยังเป็นตัวทำลายชั้นบรรยากาศโลก เป็นแหล่งเกิดโรคต่างๆอีกมาก เช่น โรคไข้ซิกา โดยกรมฯ ยังได้ตั้งเป้าหมายให้ทุกครัวเรือนมีการจัดทำถังขยะเปียกให้ครบ 100% อีกด้วย

สำหรับพื้นที่หรือบริเวณที่อาจเกิดน้ำขัง เช่น ครัวหรือที่ลุ่มนั้น กรมฯ ก็ได้ขอให้ อปท. ช่วยให้คำแนะนำให้พี่น้องประชาชนได้ร่วมกันทำ “ธนาคารน้ำใต้ดิน” ที่เป็นการบริหารจัดการน้ำในระดับครัวเรือน บริเวณที่อยู่อาศัย ทำได้ง่าย ใช้งบประมาณไม่เยอะ ประชาชนในชุมชนท้องถิ่นสามารถได้ประโยชน์ คือหาแหล่งที่อยู่ให้กับน้ำ โดยการอัดน้ำลงในพื้นที่ของตนเอง ให้น้ำซึมลงดิน ลดการเกิดน้ำขัง ไม่ให้น้ำในพื้นที่ของตนเองหรือพื้นที่นั้นๆ ไหลไปรวมกันจนเกิดการสะสมเพิ่มปริมาณมาก จนการเกิดน้ำท่วมหรือน้ำป่าไหลหลากได้

ด้านของศาสนสถานต่างๆ กรมฯ ก็ได้ให้ อปท. ร่วมมือกับทุกภาคส่วน ดำเนินโครงการ “วัด ประชา รัฐ สร้างสุข” พัฒนาวัด ตามแนวทาง 5ส ให้ศาสนสถานเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาทั้งด้านสุขภาพ พลานามัย และด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ โดยอาจกำหนดแผนปฏิบัติการในการจัดทำ 5ส เช่น การทำความสะอาดให้ทำทุกวัน หรือทุกอาทิตย์ โดยให้กิจกรรม 5ส ฝังอยู่ในชีวิตประจำวันของทุกๆคน และขอฝากให้ทุก อปท. ช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตื่นตัวในเรื่องของการป้องกันโรคไข้เลือดออก วิธีการดูแลตัวเองในด้านต่างๆ รวมทั้ง เน้นย้ำพี่น้องประชาชนว่า หากมีอาการเจ็บป่วย ควรหลีกเลี่ยงการซื้อยามารับประทานเอง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุและวิธีการรักษาให้ถูกต้องด้วย นายสุทธิพงษ์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน