หนุ่มอาชีวะดับสลด เพื่อนบอกปืนลั่นใส่หัว พ่อแม่ไม่เชื่อ พบพิรุธ เล่านาทีก่อนลูกจากไป
วันที่ 6 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ที่ผ่านมา พ.ต.ท.กิตติภพ ผิวเหลือง รอง.ผกก.สอบสวน สภ.เชียงคำ จ.พะเยา รับแจ้งเหตุอาวุธปืนลั่น มีผู้เสียชีวิต เป็นชาย 1 ราย อยู่ภายในบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ต.แม่ลาว อ.เชียงคำ จ.พะเยา จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ศูนย์กู้ชีพจากโรงพยาบาลเชียงคำ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพพระนั่งดิน พร้อมกับประสานแพทย์เวรจากโรงพยาบาลเชียงคำ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิต ใส่ชุดนักเรียนอาชีวะสีน้ำเงิน มีรอยเลือดไหลออกมาจากทางด้านขมับขวา นอนอยู่บริเวณห้องครัวด้านหลังของบ้าน ห่างจากร่างผู้เสียชีวิต พบกองเลือดไหลนองพื้น และแผ่นไม้ของประตูครัวหลุดร่วงมากองอยู่กับพื้น 1 แผ่นและบริเวณทางเข้าห้องน้ำด้านมุมห้องครัวพบอาวุธปืนยาวชนิดปืนแก๊ป
นางน้อย สามัญแก้ว อายุ 53 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ผู้ตายเป็นลูกชายคนเดียวของตน ขณะนี้ อายุ 17 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่2 วิทยาลัยเทคนิคแห่งหนึ่ง หลังเลิกเรียนลูกชายขี่รถจักรยานยนต์มารับตนไปทานก๋วยเตี๋ยว ระหว่างกำลังจะทานอยู่นั้น มีเพื่อนโทรศัพท์มาตามให้ไปหาในบ้านหลังดังกล่าว
นางน้อย กล่าวต่อว่า ซึ่งตนก็ได้ห้ามปรามไว้ว่าไม่ต้องไปแต่ลูกชายก็ยืนยันที่จะมา โดยบอกว่าขอไปไม่นานแล้วจะกลับมารับแม่ที่นั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ จากนั้นเพื่อนของลูกชายได้โทรมาตาม แล้วแจ้งว่าลูกชายของตนเสียชีวิตแล้ว จึงรีบมาบ้านหลังดังกล่าวทันที
ด้านนายทองคำ โครงกาบ อายุ 57 ปี พ่อของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า การตายของลูกชายมีเงื่อนงำแน่นอน เพราะอยู่ดีๆ เพื่อนโทรมาตามให้มาบ้านหลังดังกล่าว และดูจากลักษณะนอนที่ถูกยิง ตนเชื่อว่ามาจากการจ่อยิงที่ศีรษะและน่าจะเป็นปืนสั้นอย่างแน่นอน เพราะถ้าเป็นปืนยาว ลักษณะแผลไม่น่าจะเป็นแบบนี้
นายทองคำ กล่าวต่อว่า จากการสอบถามเพื่อนของลูกชายที่อยู่ที่หน้าบ้านก็ทราบว่า ทั้งหมดอยู่กัน 9 คน รวมผู้เสียชีวิต แต่เพื่อนอีก 2 คนได้ขับรถออกไปจากบ้านที่เกิดเหตุ ก่อนหน้าตำรวจเข้ามาถึงแล้ว และรถจักรยานยนต์ของลูกชาย ก็หายไปจากที่เกิดเหตุ ซึ่งตนก็รู้สึกสงสัยในหลายๆอย่างและรู้สึกเสียใจมากๆเพราะตนมีลูกชายเพียงคนเดียว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชียงคำ ได้นำตัวเพื่อนของผู้เสียชีวิตที่อยู่ในที่เกิดเหตุจำนวน 6 คนไปสอบสวนเพื่อหาสาเหตุของการเสียชีวิตในครั้งนี้ส่วนล่างผู้เสียชีวิตขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยนำไปเก็บไว้ที่โรงพยาบาลเชียงคำเพื่อรอการชันสูตรต่อไป
