ชูรางจืด’ช่วยขับพิษ กรมแพทย์แผนไทยห่วงใช้สารเคมีเร่งเพาะปลูก เสี่ยงรับสารพิษ

วันที่ 6 ก.ค. นพ.สรรพงศ์ ฤทธิรักษา รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวถึงการใช้สมุนไพรขับสารพิษในร่างกาย ว่า จากข้อมูลของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พบว่า สถานการณ์การเจ็บป่วยจากพิษสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ปี 2544 – 2560 มีผู้ป่วยได้รับพิษจากสารเคมีรวม 34,221 ราย เสียชีวิต 49 ราย เฉลี่ยมีผู้ป่วยปีละ 2,013 ราย นอกจากนี้ จากรายงานประจำปี 2561 สำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อมกรมควบคุมโรค ได้ทำการคัดกรองความเสี่ยงจากการสัมผัสสารเคมีกำจัดศัตรูพืช พบว่า มีเกษตรกรมีผลเสี่ยงและไม่ปลอดภัยร้อยละ 40.99 คิดเป็น 342,737 ราย จากทั้งหมด 836,118 ราย

นพ.สรรพงศ์ กล่าวต่อว่า ช่วง มิ.ย. – ส.ค. ของทุกปี เป็นช่วงฤดูฝน เป็นช่วงฤดูกาลเพาะปลูก เกษตรกรมักเร่งทำการเกษตรเพื่อให้พืชผลเจริญเติบโต จึงมีการใช้สารเคมีเพื่อเร่งผลผลิต อีกทั้ง มีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ซึ่งสารเคมีเหล่านี้อาจก่อให้เกิดอันตรายและเข้าสู่ร่างกายได้ 3 ทาง คือ ทางการหายใจ ทางปาก และทางผิวหนัง สำหรับอาการและความรุนแรงขึ้นอยู่กับระดับสารพิษที่ได้รับเข้าสู่ร่างกาย ดังนั้น หากจำเป็นต้องฉีดพ่นยาฆ่าแมลงหรือสารกำจัดศัตรูพืช ควรป้องกันร่างกายตนเอง

โดยสวมเสื้อผ้ามิดชิด มีอุปกรณ์ป้องกัน ตรวจเช็กอุปกรณ์ฉีดพ่นให้อยู่ในสภาพดี หากหัวฉีดอุดตันห้ามใช้ปากเป่า แต่ให้ถอดหัวฉีดออกมาทำความสะอาดโดยแช่ในน้ำ ห้ามกินอาหาร น้ำ หรือสูบบุหรี่ขณะผสมสารเคมี กรณีสัมผัสสารเคมีทางผิวหนังให้ล้างด้วยน้ำสะอาดอย่างน้อย 15 นาที อาบน้ำฟอกสบู่เปลี่ยนเสื้อผ้า และไม่ควรฉีดพ่นขณะที่ลมแรงหรือฝนตก ให้อยู่เหนือลมเสมอ

“สำหรับการแพทย์แผนไทยมีการนำสมุนไพรรางจืด มาใช้ในการขับสารพิษจากยาฆ่าแมลงหรือสารกำจัดศัตรูพืช วิธีการ เพียงใช้ใบสด 5-7 ใบ คั้นกับน้ำ 1 แก้ว ประมาณ 250 มิลลิลิตร รับประทานก่อนอาหาร 3 เวลา ต่อเนื่อง 7 วัน ที่แนะนำให้ใช้เพียง 7 วัน เพราะรางจืดมีฤทธิ์เย็นเมื่อกินติดต่อกันอาจทำให้ระบบในร่างกายเสียสมดุลได้ โดยโรงพยาบาลในประเทศไทยหลายแห่งได้มีการศึกษาและนำมาใช้จริงกับเกษตรกรกลุ่มเสี่ยงที่ใช้สารเคมี ทำให้พบว่า ภูมิปัญญาดังกล่าวนำมาใช้ ควบคู่ กับการป้องกันตัวเองจากสารเคมี นับเป็นการบรรเทาอาการจากสารพิษดังกล่าวได้อีกทางหนึ่ง แต่การป้องกันตัวเองเบื้องต้นก่อนสัมผัสสารเคมีทางร่างกายก็ยังต้องทำเป็นลำดับแรก”

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

นพ.สรรพงศ์ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันรางจืดถูกบรรจุเป็นยาสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติในรูปแบบชาชง มีสรรพคุณถอนพิษเบื่อเมา ขนาดและวิธีใช้ รับประทานครั้งละ 2 – 3 กรัม ชงกับน้ำร้อน 120 – 200 มิลลิลิตร วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร หรือเมื่อมีอาการ ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยเบาหวาน เพราะอาจเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ และผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาอื่นอย่างต่อเนื่อง เพราะรางจืดอาจเร่งการขับยาเหล่านั้นออกจากร่างกาย ทำให้ประสิทธิผลของยาลดลง หากรับประทานยาอื่นอยู่ ควรรับประทานยารางจืดหลังจากรับประทานยาอื่นแล้วอย่างน้อย 2 ชั่วโมง หากมีข้อสงสัยการใช้รางจืดติดต่อสอบถามได้ตามโรงพยาบาลที่มีการให้บริการแพทย์แผนไทยทั่วประเทศ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน