กระหน่ำยิง 9 นัด หนุ่มวัย24 ดับคาสะพาน ค้นตัวเจอยาบ้า ญาติสุดช็อกหลานถูกฆ่า

วันที่ 9 ก.ค. พ.ต.ท.เทอด หาญณรงค์ สารวัตรสอบสวน สภ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี รับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิตอยู่กลางสะพานข้ามคลองทางเข้าสวนชาวบ้าน ซอย8 หมู่9 ต.บึงกาสาม อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.พีรพล ไชยพงศ์ ผกก.สภ.หนองเสือ พ.ต.ท.บุญสนอง เบ้าตุ๋น สว.สส.สภ.หนองเสือ เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐาน เขต 1 ปทุมธานี แพทย์เวร รพ.หนองเสือ และ อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุเป็นสะพานข้ามคลองเข้าสวนตะไคร้ เจ้าหน้าที่พบศพชาย 1 ราย ทราบชื่อนายศิริวุฒิ แก่นเพ็ชร อายุ 24 ปี สภาพศพนอนคว่ำหน้าจมกองเลือดสวมเสื้อเสือยืดสีแดง นุ่งกางเกงขาสั้น สวมรองเท้าแตะ สะพายกระเป๋าสีดำ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่หลังชายโครงซ้าย ชายโครงขวาหลัง ไหล่ขวา โหนกแก้มขวา ข้อศอกซ้าย ศอกขวา กลางอก รวม 9 นัด

ทั้งนี้พบยาบ้า จำนวน 9 เม็ด อยู่ระหว่างขาทั้งสองข้าง กระสุนปืนขนาด .38 ซุปเปอร์ 2 นัด และหัวกระสุนปืนไม่ทราบขนาด อยู่ที่ถุงผ้าสีเขียวห่าง และฝั่งตรงข้ามพบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีชมพู ไม่ติดแผนป้ายทะเบียน จอดยู่ในป่า ลักษณะเอาต้นหญ้าคลุมไว้ และอาวุธมีดพับอยู่กลางถนนห่างจากจุดพบศพประมาณ 20 เมตร

นางชาลินี ประยันโต กล่าวว่า เมื่อเวลา 22.00 น. ขณะที่ตนนั่งดูทีวีอยู่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 4 นัด คิดว่าเป็นการจุดไล่นก แต่ถ้าจุดไล่นกจะเสียงดังมากกว่านี้ และตอนเช้าก็มีคนมาพบคนตายอยู่กลางสะพาน

ต่อมานางสมใจ แก่นเพ็ชร อายุ 59 ปี ยายของผู้ตาย พร้อมด้วย ญาติๆเดินทางมาที่ สภ.หนองสือ พร้อมกับบอกว่าผู้ตายเป็นหลานชาย ที่เลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆ ได้ออกมาจากงานศพประมาณ 17.00 น. และได้เข้าบ้านไปขอเงินกับตนจำนวน 100 บาท ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าหลานชายจะไปไหน จนเมื่อเวลา 21.30 น. ได้โทรศัพท์หาหลานชาย 2 ครั้ง และเมื่อเวลา 22.00 น. ได้โทรหาอีกแต่โทรศัพท์ปิดเครื่อง จนเมื่อช่วงเช้าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อไปบอกว่าหลานชายตนถูกยิงเสียชีวิต

ด้าน พ.ต.ท.เทอด หาญณรงค์ สารวัตรสอบสวน สภ.หนองเสือ หลังจากตรวจสอบที่เกิดเหตุจึงได้บันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้ก่อเหตุนั้นได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่เฝ้าติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีแล้ว โดยผู้ตายมีประวัติบำบัดยาเสพติดสองปีที่ผ่านมา และได้ให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูนำส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติเพื่อตรวจสอบหาสาเหตุอีกครั้ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน