ลูกตาย2ปี คดีไม่คืบ สาวร้องผบช.น. จี้ตรวจสอบรพ.ดัง ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐาน
คดีไม่คืบ / เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นายกันตเมธส์ จโนภาส ทนายความจิตอาสาคู่แผ่นดินไทย พร้อมด้วย น.ส.อารยา สมบัติตรา และนายจิรทีปต์ อินทโชติ สามี
เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น. เพื่อให้เร่งรัดคดีที่ได้แจ้งความเอาผิดกับโรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านบางนา
ฐานไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานการส่งตัวผู้ป่วยไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลอื่น จนเป็นเหตุให้บุตรในครรภ์ของ น.ส.อารยา เสียชีวิต แต่ผ่านมา 2 ปีแล้วคดียังไม่มีความคืบหน้า
น.ส.อารยา กล่าวว่า เมื่อกลางปี 2560 ตนได้ฝากครรภ์ที่คลีนิคแห่งหนึ่ง ย่านศรีนครินทร์ แต่ต่อมาเมื่ออายุครรภ์ได้ 7 เดือน มีอาการเจ็บท้องมีเลือดออก จึงไปหาหมอที่โรงพยาบาลดังกล่าว ซึ่งมีสิทธิ์ประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ บัตรทอง
แต่แพทย์แจ้งว่า ทางโรงพยาบาลไม่มีแผนกทารกแรกเกิดวิกฤต จึงแนะนำให้ไปโรงพยาบาลของรัฐที่มีเครื่องมือพร้อมกว่า แต่ไม่มีใบส่งตัวและรถพยาบาลไปส่งตามคำร้องขอ โดยให้เดินทางไปเอง ในฐานะผู้ป่วยฉุกเฉิน และยังแนะนำว่าไม่ให้แจ้งว่าไปโรงพยาบาลดังกล่าวมาแล้ว เพราะหากบอกจะไม่ได้รับสิทธิ์รักษากรณีฉุกเฉิน
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
แต่เมื่อเดินทางไปถึงโรงพยาบาลแห่งที่ 2 ซึ่งต้องใช้เวลาในการเดินทางไป 2-3 ชั่วโมง ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแจ้งว่า ใช้สิทธิ์ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ไม่ได้ จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้วยตัวเอง เพราะไม่มีหนังสือส่งตัว
จึงจำใจกลับไปรับบริการที่โรงพยาบาลเดิม และทำการผ่าคลอดเมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2560 แต่ทารกเสียชีวิต จากนั้นแพทย์นำเข้าห้องผ่าตัดและทำหมันให้ โดยอ้างว่าไม่สามารถมีบุตรได้อีก
ต่อมาวันที่ 16 ก.ค. 2560 ตนเดินทางเข้าร้องทุกข์ ที่สน.บางนา เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของโรงพยาบาลดังกล่าว จนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว แต่คดียังไม่คืบหน้า
ทั้งที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และลงความเห็นว่า โรงพยาบาลดังกล่าวนั้นต้องจัดบุคลากร และส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน ด้วยวิธีการที่เหมาะสม และให้เกิดความปลอดภัยต่อการส่งต่อตัวผู้ป่วย
ดังนั้นคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข จึงเห็นว่าการที่โรงพยาบาลดังกล่าวให้ผู้ป่วยเดินทางเข้ารับการรักษาที่ โรงพยาบาลอื่นด้วยตนเอง จึงเป็นการให้บริการที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานการส่งต่อผู้ป่วย ของกระทรวงสาธารณสุข และพ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
จึงได้มีคำสั่งเตือนไปยังโรงพยาบาลดังกล่าวแล้ว แต่ทางตำรวจไม่ได้มีการเรียกไปสอบปากคำ จึงตัดสินใจร้องเรียนต่อ ผบช.น. ดังกล่าว
