เหลืออด! 10 ปีมีแต่ฐานวางศิลาฤกษ์ จี้รัฐตรวจสอบสร้างศูนย์เด็กเล็กงบ1.8ล้าน

วันที่ 24 ก.ค. ที่ศาลาประชาคมบ้านไร่ หมู่ 6 ต.ห้วยเขย่ง อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ชาวบ้านรวมตัวกันร้องเรียน หลังได้รับความเดือดร้อนจากโครงการก่อสร้างศูนย์เด็กเล็ก เนื่องจากผ่านมาแล้ว 10 ปี ยังไม่มีก่อสร้าง ทั้งที่มีพิธีวางศิลาฤกษ์ตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 ทำให้มีเพียงภาพอาคาร และฐานวางศิลาฤกษ์เอาไว้ให้ดูต่างหน้าเท่านั้น

นายวิโรจน์ ทะสม เปิดเผยว่า โครงการก่อสร้างศูนย์เด็กเล็กประจำหมู่บ้านแห่งนี้ผ่านมา 10 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีการก่อสร้างแต่อย่างใด ทำให้เด็กเล็กอายุ 2-4 ปี กว่า 100 คน ไม่มีศูนย์เด็กเล็กที่คอยดูแลเด็กๆ ผู้ปกครองบางครอบครัวต้องจ้างคนมาดูแล บางครอบครัวต้องนำบุตรหลานไปฝากที่ศูนย์เด็กเล็กของหมู่บ้านที่อยู่ใกล้เคียงที่สุด แต่มีระยะทางไป-กลับกว่า 10 ก.ม. ที่ต้องจ้างคนเลี้ยงหรือพาลูกหลานไปฝากเอาไว้ที่ศูนย์เด็กเล็กที่หมู่บ้านอื่น เพราะว่าทุกครอบครัวล้วนมีฐานะยากจน ต้องดิ้นรนออกไปรับจ้าง หรือทำการเกษตร จึงไม่มีเวลาดูแล

“เมื่อ พ.ศ.2552 มีคนในพื้นที่ ต.ห้วยเขย่ง นำโครงการก่อสร้างศูนย์เด็กเล็กเข้ามาในชุมชน โดยโครงการนี้ใช้ชื่อ สมเด็จพระสังฆราชสกลสังฆปรินายก หรือสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่19 ด้วยงบประมาณก่อสร้าง 1,800,000 บาท โดยมีผู้นำชุมชนในพื้นที่คนหนึ่งเป็นคนประสานงาน ในครั้งนั้นมีการจัดหาพื้นที่เพื่อก่อสร้างศูนย์เด็กเล็ก อีกทั้งได้ปรับพื้นที่เอาไว้ก่อสร้าง โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยทหารพัฒนาที่11 และได้มีพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 10 ต.ค.2552

มีอดีตรอง ผวจ.กาญจนบุรี เดินทางมาเป็นประธานในพิธี มีพระสงฆ์ที่เป็นผู้แทนสมเด็จพระสังฆราชฯ รวมทั้งอดีตนายอำเภอทองผาภูมิ รวมทั้งข้าราชการ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ศิลปิน ดารานักแสดง และชาวบ้านมาร่วมพิธีที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แต่จนถึงวันนี้ผ่านมา 10 ปี ยังไม่มีวี่แววว่าจะก่อสร้าง และก็ยังคงหลงเหลือฐานที่ใช้สำหรับวางศิลาฤกษ์ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าเท่านั้น”

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาตนและชาวบ้านได้พยายามสอบถาม ไปยังบุคคลที่เกี่ยวข้องกับโครงการสร้างศูนย์เด็กเล็กนี้ แต่ก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด แต่มาภายหลังทราบว่าบุคคลคนหนึ่งได้หนีไปอยู่ต่างประเทศ และนำเงินงบประมาณ 1.8 ล้านบาทไปด้วย เมื่อทราบเรื่องแบบนี้ชาวบ้านจึงทำหนังสือร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมอำเภอทองผาภูมิ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.2561 และตนยังได้เดินทางไปให้ปากคำ ในฐานะตัวแทนผู้ร้องต่อศูนย์ดำรงธรรม เมื่อวันที่ 16 ม.ค.2562 มาจนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีคำตอบให้ตนและชาวบ้านทราบเรื่องแต่อย่างใด

ด้านนางกมลรัตน์ กันทะวงศ์ กล่าวว่า หมู่บ้านของเราเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ มีประชากรกว่า 400 หลังคาเรือน มีเด็กเล็กอายุระหว่าง 2-4 ขวบ ที่อยู่ในเกณฑ์ที่จะต้องไปรับการพัฒนาการ ในศูนย์เด็กเล็กก่อนเกณฑ์ กว่า 200 คน ชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพรับจ้าง และอาชีพด้านเกษตรกรรม ฐานะค่อนข้างยากจน เมื่อไม่มีศูนย์เด็กเล็ก ทำให้พ่อแม่ไม่สามารถไปทำงานได้ เพราะต้องคอยเลี้ยงดูบุตรหลาน ทำให้ครอบครัวขาดรายได้ ชาวบ้านจึงต้องการให้มีการสร้างศูนย์เด็กเล็กขึ้นในหมู่บ้านของเรา เพื่อที่จะช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครองในการดูแลบุตรหลาน

“ที่สำคัญเด็กๆจะได้มีการพัฒนาการ เพื่อเตรียมตัวในการศึกษาต่อในระดับอนุบาล ทุกวันนี้ทุกคนลำบาก บางครอบครับต้องนำบุตรหลานไปฝากเอาไว้ที่ศูนย์เด็กเล็กของหมู่บ้านที่อยู่ใกล้เคียงที่สุด แต่ก็มีระยะทางไปกลับกว่า 10 ก.ม. ซึ่งผู้ปกครองจะต้องไปส่บุตรหลานเอง เนื่องจากไม่มีใครคอยดูแลหากให้ไปกับรถโดยสาร

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ส่วนนายปฎิกานต์ เตียงวงค์ กล่าวว่า ตนมีลูก 3 คน อยู่ในวัยเรียน 2 คน ส่วนคนเล็กอายุเพียงแค่ 2 ขวบ เมื่อตนและภรรยาออกไปทำงาน จึงไม่มีใครคอยดูแล จำเป็นจะต้องไหว้วานให้เพื่อนบ้านคอยดูแล และจะต้องเสียค่าเลี้ยงดูให้กับเพื่อนบ้านวันละ 100 บาท ส่วนตัวมีอาชีพรับจ้างทั่วไป มีรายเดือนละประมาณ 8,000 บาท แต่จะต้องมาเสียค่ายใช้จ่ายจ้างเลี้ยงลูกเดือนละ 3,000 บาท และเหลือเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือนเดือนละ 5,000 บาท

ถามว่าเงินที่เหลือพอกับค่าใช้จ่ายในครัวเรือนหรือไม่ ตอบได้เลยว่าพอ แต่ไม่มีเงินเหลือเก็บ และต้องใช้จ่ายกันอย่างประหยัด แต่ถ้าหากหมู่บ้านของเรามีศูนย์เด็กเล็กขึ้นมา ก็จะทำให้ครอบครัวประหยัดค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนลงได้อีก

และที่สำคัญหากหมู่บ้านของเรามีศูนย์เด็กเล็ก เหมือนหมู่บ้านอื่น จะทำให้เด็กมีการพัฒนาการดีขึ้น เมื่อบุตรหลานมีอายุย่างเข้าสู่ระดับชั้นอนุบาล พัฒนาการทางด้านต่างๆก็จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยตรวจสอบโครงการก่อสร้างศูนย์เด็กเล็กที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2552 ให้ด้วย หรือไม่ก็ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำงบประมาณมาสร้างศูนย์เด็กเล็ก ให้กับชาวบ้าน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน