รวบทันควัน! หนุ่มบุกเดี่ยว จี้แบงก์ออมสิน สาขาสะพานใหม่ เผยทำท่าคล้ายซุกอาวุธไว้ข้างหลัง ก่อนบอก ‘ผมไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ’ ให้พนง.ส่งเงินมา อ้างติดหนี้พนันออนไลน์ 4 แสน
จี้แบงก์ออมสิน / เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 27 ส.ค. ร.ต.อ.แวนร์ จิตรจารุวงศ์ รองสว. (สอบสวน) สภ.เมืองชัยนาท รับแจ้งมีเหตุคนร้ายจี้ชิงเงินจากธนาคารออมสิน สาขาสะพานใหม่ ถนนทางหลวงหมายเลข 340 ชัยนาท-สุพรรณบุรี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ชัยนาท แล้วหลบหนี จึงรายงานให้ พล.ต.ต.ประการ ประจง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยนาท และ พ.ต.อ.ชัชพิมุข มีมุข ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองชัยนาท ได้รับทราบ รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด และพยานในที่เกิดเหตุ ทราบว่าคนร้ายเป็นชาย 1 คน แต่งกายใส่เสื้อขาวยาวสีเทา สวมกางเกงวอร์มขายาวสีดำ สวมหน้ากากปิดบังใบหน้า เข้ามาทำท่ามือไพล่หลัง เหมือนมีอาวุธปืน และพูดกับหนักงานว่า “ผมไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ เอาเงินมา” พนักงานก็พยายามใจเย็น บ่ายเบี่ยงให้เดินไปที่ห้องอื่น และฉวยโอกาสกดปุ่มฉุกเฉินจนเจ้าหน้าที่รู้เหตุและรีบมาทันที แต่ก็ไม่ทันการ เพราะโจรไหวตัวทัน เร่งให้พนักงานประจำหน้าเคาน์เตอร์ของธนาคารรีบเอาเงินให้ ได้เงินสดไปจำนวนกว่า 16,000 บาท
จากนั้นวิ่งหนีออกจากธนาคารไปทางเทสโก้โลตัส ชัยนาท ซึ่งอยู่ห่างจากธนาคารประมาณ 300 เมตร จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชัยนาท กระจายกำลังปิดล้อมค้นหา ตามสถานที่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุ และสามารถจับกุมคนร้ายได้ภายในตึกของเมืองไทย ลิสซิ่ง หลังคนร้ายทำทีขอเข้าห้องน้ำ ก่อนปีนขึ้นไปบนตึก หวังนำเงินไปซ่อน ก่อนถูกตำรวจจับกุม
จากการสอบสวน นายภาคภูมิ ทับเงิน อายุ 26 ปี คนร้ายที่ก่อเหตุ ทราบว่า ขับรถมาเรื่อยๆ จนถึงที่เกิดเหตุจึงเดินลงไป โดยไม่มีอาวุธแต่ทำท่าให้เหมือนมีอาวุธ และบอกให้พนักงานหยิบเงินมาให้ พอได้เงินก็วิ่งไปที่ห้างเทสโก้ โลตัส และเดินไปที่ตึกของเมืองไทย ลิสซิ่ง ขอเข้าห้องน้ำ แล้วจึงปีนขึ้นไปข้างบนหวังหาที่เก็บเงิน
นายภาคภูมิ ทับเงิน กล่าวว่า ตนติดหนี้พนันออนไลน์ เป็นเงินกว่า 400,000 บาท โดยก่อนเกิดก่อนเกิดเหตุขับรถมาเรื่อยๆ ไม่มีที่หมาย ไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะมาปล้น เมื่อมาถึงจ.ชัยนาท คนร้ายพบเห็นว่าธนาคารออมสิน สาขาสะพานใหม่ ไม่มีคน จึงก่อเหตุอุกอาจเข้าไปปล้นเงิน เพื่อนำไปใช้หนี้
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะสอบสวนผู้ก่อเหตุ และพยานอย่างละเอียดอีกครั้ง ว่าจะเข้าข่ายข้อหาขู่กรรโชกทรัพย์หรือชิงทรัพย์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
