หนุ่มเมืองตรังประดิษฐ์มือเทียมเองหลังถูกไฟชอร์ตจนต้องตัดทิ้งทั้ง 2 ข้าง แต่ไม่ขอยอมแพ้ต่อชะตาชีวิต หวนกลับมาประกอบอาชีพเชื่อมเหล็ก ทำเฟอร์นิเจอร์อีกครั้ง เพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง

เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 24 ม.9 ต.โคกสะบ้า อ.นาโยง จ.ตรัง ซึ่งเป็นบ้านของ นายกุมภีร์ นารี หรือ ช่างหู วัย 40 ปี หนุ่มมือ 2 ข้าง และเท้าข้างขวา 1 ข้างพิการ ผู้ไม่เคยย่อท้อสู้ชีวิต จนคนร่างกายปกติทั่วไปต้องยอมรับ อีกทั้งยังสามารถประดิษฐ์มือเทียมขึ้นมาด้วยตัวเองอย่างน่าอัศจรรย์ และใช้งานอย่างคล่องแคล่ว ในการประกอบอาชีพรับจ้างเชื่อมเหล็ก โครงหลังคา ทำเฟอร์นิเจอร์ รับซื้อของเก่า หมาก และมะพร้าว ส่งขายตามความต้องการของลูกค้า ทำให้มีรายได้เลี้ยงดูพ่อแม่ และครอบครัว โดยไม่ยอมก้มหัวยอมแพ้ให้เป็นภาระกับสังคม

นายกุมภีร์ หรือ ช่างหู เล่าว่า เดิมทีตนเป็นชาว ต.ควนปริง อ.เมือง จ.ตรัง แต่ย้ายภูมิลำเนามาอยู่กับครอบครัวหลังจากแต่งงานอยู่กินกับ น.ส.มณีรัตน์ ชูยัง ภรรยาเป็นเวลาเกือบ 6 ปี กระทั่งเหมือนโชคชะตากลั่นแกล้งได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นเมื่อประมาณ 2 ปี ที่แล้ว ขณะตนไปรับซื้อหมากสดมาจากต้นเพื่อทำหมากแห้ง และกำลังจะกลับบ้าน ระหว่างนั้นตนไปยืนหลบร้อนพิงต้นหมาก แต่ปลายต้นหมากกลับเอนไปตามกระแสลมโดนสายไฟฟ้าแรงสูง จนเกิดชอร์ตตนล้มลงแบบตั้งตัวไม่ทัน ซึ่งตอนแรกคิดว่าโดนใครถีบให้ล้ม จึงลุกขึ้นแล้วเอามืออีกข้างไปคว้าต้นหมากต้นเดิมอีก ทำให้ล้มลงอีกครั้ง ส่วนรอบๆ ตัวก็มีไฟไหม้พงหญ้าแห้งล้อมตัว

โดยตอนนั้นตนรู้สึกตัวตลอด แต่มีอาการชามือทั้ง 2 ข้าง และเท้าข้างขวาลุกขึ้นไม่ไหว จึงเรียกเพื่อนมาช่วย จากนั้นเพื่อนก็มาช่วยยกออกจากกองไฟ แล้วพามารักษาตัวที่โรงพยาบาลตรัง โดยต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ประมาณ 3 เดือนกว่า ซึ่งขณะนอนพักรักษาตัวอยู่มือทั้งสองข้างก็แห้งดำ ไม่มีความรู้สึก และใช้การไม่ได้ เมื่อปรึกษากับหมอก็แนะนำว่าน่าจะต้องตัดมือทั้ง 2 ข้าง ตนก็บอกว่าตัดก็ตัด เพราะทำใจได้ตั้งแต่ตอนแรกแล้ว

หลังจากนั้น หมอวินิจฉัยตัดให้จนถึงข้อมือทั้ง 2 ข้าง แล้วส่งไป รพ.สงขลานครินทร์ (มอ.) และได้มือเทียมมา 2 ข้าง ราคาประมาณ 100,000 บาท แต่ต้องจ่ายจริง 10,000 บาท อย่างไรก็ตาม ใช้งานไปได้ประมาณ 3 เดือน มือเทียมก็หัก จึงไปติดต่อที่รพ.มอ. อีกครั้ง โดยหมอบอกว่าต้องรอประมาณ 2 ปี ตนจึงกลับมาบ้านและคิดว่าถ้าอยู่เฉยๆ คงไม่ได้ เพราะต้องทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง และต้องดูแลพ่อแม่ที่แก่ชรา ตนจึงลงมือประดิษฐ์มือเทียมขึ้นมาเอง และลองผิดลองถูกอยู่หลายครั้งจึงสำเร็จ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 4-5 พันบาท

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตนสามารถกลับทำงานได้ตามปกติ และมีคุณภาพเหมือนดิม ทั้งงานเชื่อมเหล็ก หรืองานเฟอร์นิเจอร์ เพียงแต่อาจใช้เวลานานกว่าเดิมเล็กน้อย อีกทั้งทุกวันนี้ยังใช้มือจับช้อน จับแก้วน้ำ และกระดิกนิ้วมือเทียมได้เองโดยไม่ต้องเป็นภาระใคร ที่สำคัญคือ มีภรรยาผู้เป็นที่รักคอยดูแลช่วยเหลือ และให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆ เสมอ ทำให้ตนมีแรงที่จะต่อสู้ต่อไป

“สำหรับมือที่ผมออกแบบและประดิษฐ์ขึ้นมานั้น ใช้เหล็กสแตนเลสเชื่อมเป็นรูปมือและนิ้ว ก่อนสวมด้วยสายยาง ส่วนแขนใช้พลาสติกซุปเปอร์ลีน ไปหล่อขึ้นมาเอง ก่อนขันน็อตผูกโยงกับเชือกไนล่อน และใช้ท่อพีวีซี น้ำหนักประมาณข้างละ 0.5 กิโลกรัม มาเป็นส่วนประกอบด้วย ซึ่งใช้งานมาถึงขณะนี้แล้วกว่า 1 ปีเศษ โดยคิดว่าน่าจะใช้งานไปได้ยาวนาน และสามารถใช้แทนมือที่ต้องสูญเสียไปทั้งสองข้างได้เป็นอย่างดี ผมขอฝากกำลังใจไปถึงผู้พิการทุกคนว่า อย่าท้อ ค่อยแพ้เวลาหมดลม มีลมหายใจอยู่ไม่ต้องกลัวอะไร และเราต้องช่วยตัวเองก่อนจะได้ไม่ต้องเป็นภาระกับสังคม” นายกุมภีร์ กล่าว

น.ส.มณีรัตน์ ภรรยา กล่าวว่า สามีตนเป็นคนขยันทำมาหากิน จะคิดตลอดเวลาว่าทำอะไรแล้วได้เงินมาเลี้ยงดูครอบครัว และตื่นแต่เช้าทุกวัน โดยหลังจากเกิดอุบัติเหตุจนทำให้สามีต้องกลายเป็นคนพิการ ตนก็ไม่เคยคิดทอดทิ้งไปไหน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสามีตนไม่เคยทำตัวเป็นภาระ แถมยังให้กำลังใจตลอดเวลา ทั้งนี้ ในการประกอบอาชีพถ้างานใดที่ทำเองได้ก็จะทำ ถ้าทำไม่ได้ เพราะไม่มีมือที่แข็งแรงพอ ก็จะบอกให้คนอื่นทำแทน ทำให้ตนและครอบครัวไม่รู้สึกหนักใจ ส่วนความสูญเสียมือ 2 ข้าง และเท้า 1 ข้างของสามี คงต้องยอมรับ เพราะอาจเป็นโชคชะตา แต่ไม่คิดเคยยอมแพ้ จะอยู่ดูแลกันและกันตลอดไป

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน