ผู้จัดการสาวโรงแรมดังเชียงใหม่ แฉพฤติกรรม ดร.กำมะลอ อ้างเป็นนักวิจัยของกระทรวงมหาดไทย เข้าพักห้องหรูอยู่ดีกินดี 21 วัน พาพวก-จ้างสาวปาร์ตี้ทุกวัน ยอดค่าใช้จ่ายพุ่งเฉียด 5 หมื่น ก่อนชิ่งหนี

วันที่ 22 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียได้มีการเผยแพร่ภาพและเรื่องราวเตือนภัย กรณีมีชายคนหนึ่งชื่อ นายชยรพ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี อ้างตัวเป็น ด็อกเตอร์ เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมืองจ.เชียงใหม่ พร้อมทั้งกินอยู่อย่างเต็มที่รวม 21 คืน และมีชักชวนกลุ่มเพื่อนมาสังสรรค์ด้วย จนมียอดค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมดกว่า 4.8 หมื่นบาท แต่เมื่อถึงเวลาเช็คเอาท์ชายคนดังกล่าวกลับหายตัวไป ไม่ยอมชำระค่าใช้จ่ายที่ค้างไว้ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า โรงแรมที่ได้รับความเสียหายตั้งอยู่ย่านสันผีเสื้อ ในตัวเมืองเชียงใหม่

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ภาพวงจรปิดจับภาพขณะที่นายชยรพ ดร.กำมะลอ อยู่ในบริเวณโรงแรม

ภาพวงจรปิดจับภาพขณะที่นายชยรพ ดร.กำมะลอ อยู่ในบริเวณโรงแรม

จากการสอบถาม น.ส.แพร ศรีฉัตราภิมุข อายุ 35 ปี ผู้จัดการโรงแรมดังกล่าว เปิดเผยว่า นายชยรพเป็นลูกค้าที่เคยมาพักที่โรงแรมแล้วก่อนหน้านี้ 2 ครั้ง และครั้งนี้ที่เกิดความเสียหายเป็นการเข้าพักครั้งที่ 3 โดยครั้งแรกจองห้องผ่านเว็บไซต์จองที่พักโรงแรม ส่วนครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 เข้ามาติดต่อห้องพักด้วยตัวเอง

น.ส.แพร กล่าวต่อว่า ซึ่งการเข้าพักครั้งที่ 3 ได้เริ่มเข้าพักเมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยตลอดช่วงที่เข้าพักนั้น นายชยรพที่อ้างตัวว่าเป็นด็อกเตอร์ทำงานนักวิจัย ได้พาเพื่อนที่เป็นนักแสดงตลกในภาคเหนือและว่าจ้างสาว ๆ มาสังสรรค์ที่โรงแรมเกือบทุกวัน พร้อมทั้งได้สั่งอาหารและเครื่องดื่มจากทางโรงแรมด้วย ซึ่งนายชยรพแจ้งว่าจะชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดเมื่อเช็คเอาท์ออกจากโรงแรม

ผู้จัดการสาวพาดูรอบๆโรงแรม พร้อมทั้งนำกระเป๋าเดินทางที่ดร.เก๊ทิ้งไว้มาให้สื่อดู

ผู้จัดการสาวพาดูรอบๆโรงแรม พร้อมทั้งนำกระเป๋าเดินทางที่ดร.เก๊ทิ้งไว้มาให้สื่อดู

น.ส.แพร กล่าวอีกว่า กระทั่งวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่พบตัวนายชยรพที่โรงแรม นายชยรพได้สอบถามรายละเอียดและยอดค่าใช้จ่ายทั้งหมดจากพนักงานของโรงแรม โดยบอกว่าจะพักอีก 1 คืน และวันรุ่งขึ้นจะเช็คเอาท์พร้อมชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ โดยโอนเข้าบัญชีธนาคารของโรงแรม และขอให้ออกใบเสร็จรับเงินในนาม “ดร.ชยรพ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย”

“ซึ่งครั้งแรกพนักงานพิมพ์ในใบสรุปยอดค่าใช้จ่ายว่า “นายชยรพ” เท่านั้น แต่นายชยรพ ได้ให้แก้เป็น “ดร.ชยรพ” ก่อนที่จะออกจากโรงแรมไป ซึ่งเมื่อถึงเวลาเช็คเอาท์ทางโรงแรมได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อสอบถามนายชยรพ ก็ได้รับคำตอบเพียงว่าจะกลับไปชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่มียอดรวมทั้งสิ้น 48,225 บาท ให้ภายหลังก่อนที่จะขาดการติดต่อไปและไม่กลับมาที่โรงแรมอีกเลย โดยที่ยังทิ้งกระเป๋าเดินทางและของใช้ส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้ในห้องพักด้วย” น.ส.แพร กล่าว

กระเป๋าเดินทางของนายชยรพ

กระเป๋าเดินทางของนายชยรพ

ผู้จัดการโรงแรม กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นสร้างความเดือดร้อนและเสียหายให้กับทางโรงแรมมากพอสมควร เพราะเป็นยอดเงินที่ค่อนข้างสูง และตลอดช่วงที่นายชยรพเข้าพัก ทางโรงแรมได้ให้บริการในฐานะลูกค้าเป็นอย่างดีทุกประการ ซึ่งหลังจากที่พยายามทำทุกทางเพื่อติดต่อให้นายชยรพมารับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว รวมทั้งทวงถามผ่านทางกลุ่มเพื่อนที่นายชยรพพามาร่วมสังสรรค์ด้วยที่โรงแรม แต่ปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อได้และไม่มีท่าทีว่านายชยรพจะมาชำระค่าใช้จ่ายดังกล่าว

น.ส.แพร กล่าวอีกว่า ทำให้เมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา จึงเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดีกับนายชยรพแล้ว ซึ่งเป็นทางเลือกที่ทางโรงแรมไม่อยากดำเนินการ แต่มีความจำเป็นจริง ๆ เพราะหากเป็นไปได้อยากให้นายชยรพมาติดต่อชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะดีกว่า โดยการดำเนินการต่าง ๆ หลังจากนี้ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ โดยยอมรับว่ากรณีที่เกิดขึ้นนี้ทางโรงแรมอาจจะไม่รอบคอบเท่าที่ควร และอยากให้กรณีที่เกิดขึ้นเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนอื่น ๆ ได้ระมัดระวังเพื่อจะได้ไม่ต้องมาเจอเหตุการณ์เช่นเดียวกัน

นายชยรพ ชายที่อ้างตัวเป็นด็อกเตอร์

นายชยรพ ชายที่อ้างตัวเป็นด็อกเตอร์

จากการสอบถามแหล่งข่าวที่มีความสนิทสนมใกล้ชิดกับหนึ่งในกลุ่มเพื่อนที่นายชยรพพาไปสังสรรค์ที่โรงแรมด้วยตลอดช่วง 21 วันที่เข้าพักในโรงแรมที่เป็นผู้เสียหายนั้น ระบุว่า นายชยรพ มีชื่อเล่นว่า “เล็ก” ไม่ได้เป็นด็อกเตอร์ หรือเป็นนักวิจัยแต่อย่างใด และไม่ได้ทำงานเกี่ยวข้องกับส่วนราชการใด ๆ ด้วย แต่เป็นคนที่มีพฤติกรรมชอบคุยโม้โอ้อวด

แหล่งข่าวเปิดเผยต่อว่า โดยมักจะวางมาดดีอ้างว่าเป็นคนมีฐานะหน้าที่การงานดีและน่าเชื่อถือ ซึ่งกรณีที่โรงแรมดังกล่าวได้รับความเสียหาย ลักษณะเช่นนี้นายชยรพเคยทำมาหลายครั้งแล้ว รวมทั้งยังเคยมีกรณีเช่ารถยนต์แล้วนำไปจำนำด้วย ซึ่งเมื่อเกิดเรื่องก็จะหลบหนีไปกบดานและไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง จนกระทั่งเรื่องเงียบไปก็จะกลับมาก่อเหตุอีก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน