หนุ่มใหญ่โกรธ ไล่ฟันหัวลูกเลี้ยง เจ็บสาหัส ฉุนโดนถาม “ทุบตีแม่ผมทำไม”

จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์เหตุการณ์ นายทองพูน โครตท่าค้อ กำลังใช้มีดไล่ฟัน นายจตุรภัทร บุญสารี อายุ 20 ปี ซึ่งเป็นลูกเลี้ยง เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงจึงมาช่วยเหลือ พร้อมแจ้งให้โทร 191 หรือ 1669 และนำส่งโรงพยาบาล โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ที่ตลาดบ้านติ้ว หมู่2 ต.บ้านติ้ว อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์

ล่าสุดวันที่ 29 ต.ค. นายประดิษฐ์ น้อยขุ้ย อายุ 51 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์และเป็นผู้โพสต์ เผยว่า ตนเปิดร้านขายส้มตำอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 20 เมตร ก่อนเกิดเหตุขณะที่กำลังตำส้มตำขายให้ลูกค้า ได้ยินเสียงตะโกนคล้ายคนทะเลาะกัน จึงออกไปดูพบว่า นายทองพูน ไล่ฟันลูกเลี้ยง จึงนำโทรศัพท์มาถ่ายไว้เป็นหลักฐาน จังหวะที่ นายจตุรภัทร ล้มลง นายทองพูน ใช้มีดกระหน่ำฟัน กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุจึงได้นำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล และควบคุมตัวนายทองพูนไปดำเนินคดีที่โรงพัก

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ด้านนายแอ๋ง แทนจำปา อายุ 52 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนและเพื่อนบ้านกำลังทำลาบปลาและกินเหล้าด้วย จากนั้นได้ชักชวน นายจตุรภัทร ซึ่งอยู่บ้านตรงข้ามให้มากินด้วย ระหว่างที่นั่งกินกันอยู่นั้น นายทองพูน ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงของ นายจตุรภัทร ขับรถยนต์เข้ามาจอดที่บ้าน นายจตุรภัทร เห็นจึงตะโกนให้ของลับและต่อว่า นายทองพูน ว่าทำร้าย ทุบตีแม่ผมทำไม นายทองพูน โกรธจึงคว้ามีดพร้าเข้ามาจะฟัน และต่อสู้กัน

“นายจตุรภัทร สู้ไม่ไหวจึงได้วิ่งหนี แต่ นายทองพูน ก็ยังไล่ตามและใช้มีดฟันเข้ากลางหลังหลายครั้งจนล้มลง จากนั้นได้ใช้มีดกระหน่ำฟันไปที่หัวจนเป็นแผล ในระหว่างนั้น นายเพชรอนันต์ เรือนคำ อายุ 27 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ เข้าไปห้ามปรามจึงถูกฟันจนนิ้วก้อยขวาเกือบขาด” นายแอ๋ง กล่าว

นายแอ๋ง กล่าวต่อว่า จากนั้น นายทองพูน เตรียมจะขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี แต่เป็นจังหวะเดียวกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ จึงได้เข้าทำการควบคุมตัวไปดำเนินคดี ส่วน นายจตุรภัทร ที่ถูกพ่อเลี้ยงฟันนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นแผลที่หลัง 3 แผล ที่ศีรษะหลายแผล กะโหลกร้าว เพื่อนบ้านนำส่งโรงพยาบาลหล่มสักและส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลเพชรบูรณ์

ร.ต.อ.สมบูรณ์ กระจ่างวงษ์ พนักงานสอบสวน สภ.บ้านติ้ว อ.หล่มสัก กล่าวว่า เบื้องต้นได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาคือนายทองพูน ไว้ในห้องควบคุม ให้สงบสติอารมณ์เสียก่อนจึงจะทำการสอบสวนภายหลัง แต่ในเบื้องต้นได้ตั้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ ส่วนข้อหาอื่นๆ ต้องรอการสอบสวนและผลตรวจจากแพทย์เสียก่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน