ผู้ช่วยเจ้าวาส แฉ 3 ปมคนร้ายลอบเท ยาฆ่าหญ้า ใส่แทงค์น้ำ หวังฆ่าพระทั้งวัด เชื่อหวังข่มขู่ให้เกิดความหวาดกลัวกับทุกคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับวัด

จากกรณี พระครูพิศาลอุทัยกิจ เจ้าอาวาสวัดหนองเข้ ต.ไผ่เขียว อ.สว่างอารมณ์ จ.อุทัยธานี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ถูกกลุ่มคนร้ายพยายามฆ่าพระทั้งวัด ด้วยการแอบนำยาฆ่าหญ้าเทใส่ถังน้ำภายในวัด โดยกลิ่นน้ำบาดาลมีกลิ่นคล้ายยาฆ่าหญ้าปนมากับน้ำ ซึ่งพระและญาติโยมที่มาร่วมกันทำบุญ ก็ใช้น้ำบาดาลกินและอาบน้ำ โดยมีโยมหญิงคนหนึ่ง มาอาบน้ำที่วัด ก่อนที่จะเกิดตุ่มขึ้นตามร่างกาย มีอาการแพ้อย่างรุนแรง จนต้องนำตัวส่งรพ. ขณะนี้อาการยังไม่ดีขึ้น เหตุเกิดเมื่อวันที่ 30 ต.ค. ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ล่าสุดวันที่ 1 พ.ย. นายธรรมนันท์ จุฑาธนทรัพย์ นักวิชาการศาสนาชำนาญการ สำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วย มหาไมตรี อาภะชะโย เลขาเจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี และคณะสงฆ์ ได้เดินทางเข้าเยี่ยม พระครูพิศาลอุทัยกิจ เจ้าอาวาสวัดหนองเข้ และ พระครูอมรโฆสิต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหนองเข้ หมู่ 12 บ้านหนองเข้

พระครูอมรโฆสิต เปิดเผยถึงสาเหตุที่กลุ่มคนร้ายนำยาฆ่าหญ้ามาใส่ภายในถังน้ำของวัดว่า มีชาวบ้านบางกลุ่มอยากให้พระครูพิศาลอุทัยกิจ และอาตมาออกจากวัดหนองเข้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ชาวบ้านกลุ่มดังกล่าวมีปัญหากับวัดที่สะสมมานาน โดยอาตมาได้ตั้งไว้ 3 ประเด็น คือ เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว ก่อนที่พระครูพิศาลอุทัยกิจจะเข้ามารับตำแหน่งจากเจ้าอาวาสวัดหนองเข้ ระบบการเงินของคณะกรรมการชุดเดิม ๆ วัดจะได้เงินจากการทอดผ้าป่า กฐิน ของแต่ละปี

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

พระครูอมรโฆสิต กล่าวต่อว่า พอได้เงินมาแล้ว คณะกรรมการก็จะนำไปไว้ที่บ้าน โดยไม่มีการฝากธนาคาร เมื่อพระครูพิศาลอุทัยกิจเข้ามารับตำแหน่ง ได้มีการปรับเปลี่ยนระบบการเงินของวัดทั้งหมด โดยให้นำเงินที่วัดได้จากงานประเพณีต่าง ๆ จะต้องนำเงินทั้งหมดไปเข้าบัญชีธนาคาร โดยมีการประชุมแต่งตั้งเหรัญญิก ไวยาวัตรจักกรวัดใหม่ จำนวน 2 คน เพื่อให้เป็นรูปแบบของมหาเถรสมาคมการเบิกจ่ายเงินให้ถูกต้อง โดยคนที่ 1 คือ พระครูไพศาล สุเมโธ 2.นายส่ำ เกษวิริยะการ และ 3.นายครอบ ขันการไร่

พระครูอมรโฆสิต กล่าวอีกว่า กระทั่งวันที่ 6 พ.ย.2560 ได้เปลี่ยนแปลงคณะกรรมการเบิกเงิน คนที่ 1.พระครูพิศาลอุทัยกิจ (ได้เลือนตำแหน่งขึ้น) 2.นายสุชีพ วงค์ถึก ซึ่งมาแทนนายส่ำที่เสียชีวิต และคน 3.นายครอบ เป็นกรรมการวัดคนปัจจุบัน โดยทั้ง 3 มีอำนาจการเบิกจ่ายเงินวัดหนองเข้มาตลอดจนถึงทุกวันนี้ โดยไม่มีปัญหาอะไรกัน

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหนองเข้ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น คือ 1.เกี่ยวกับการปรับปรุงศาลหลังเก่าที่ทรุดโทรมมาตั้งแต่ปี 2549 โดยมี นายจำนงค์ (ขอสงวนนามสกุล) เป็นผู้รับเหมา ซึ่งเป็นพี่เขยของผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่ง โดยก่อนลงมือทำนั้น ได้มีการเขียนสัญญาไว้ว่า ถ้าทำไม่แล้วเสร็จจะโดนปรับวันละ 1,000 บาท ซึ่งปัจจุบันศาลาหลังนี้ก็ยังไม่แล้วเสร็จ

“นายจำนงค์ได้มีการเบิกเงินจากวัดเกินไปหลายแสนบาท โดยอ้างว่าจะนำเงินไปซื้ออุปกรณ์ หลังจากนั้นได้หายตัวออกจากหมู่บ้านหนองเข้ไป ไม่เคยกลับเข้ามาในวัดหนองเข้อีกเลย แล้วถ้าทางวัดคิดปรับเป็นเงินวันละ 1,000 บาทตามสัญญาที่เขียนไว้ถึงปัจจุบันนี้ นานถึง 14 ปี ก็เป็นเงินหลายแสนบาท ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่สร้างความไม่พอใจให้กลุ่มญาติ ๆ ของนายจำนงหรือไม่” พระครูอมรโฆสิต กล่าว

ผู้ช่วยเจ้าอาวาส กล่าวต่อว่า 2.วัดมีเงินจากการทอดกฐิน ผ้าป่าจากที่อื่น ๆ มาทอดเป็นเงินจำนวนนับล้านบาท และได้มีการก่อสร้างโบสถ์มูลค่าหลายล้านบาท โดยใช้เวลาการก่อสร้างเพียง 4 ปีแล้วเสร็จ จนฝังลูกนิมิตเรียบร้อย และมีเงินบางส่วนที่ญาติโยมมาทำบุญเหลืออยู่อีกหลายล้านบาท โดยทางวัดได้เตรียมการก่อสร้างภายในวัดเพิ่มเติมอีก

พระครูอมรโฆสิต กล่าวอีกว่า เมื่อประมาณปี 2556 มีผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่ เป็นตัวแทนชาวบ้านเข้ามาพูดคุยกับเจ้าอาวาส และอาตมาเกี่ยวกับชาวบ้านหนองเข้จะขอยืมเงินวัดที่มีอยู่ไปใช้หนี้กองทุนเงินล้านหมู่บ้าน ที่ชาวบ้านหนองเข้ต้องจ่ายอาตมาและดอกเงินทุกปี ซึ่งเป็นจำนวนเงินนับล้านบาท

“อาตมากับเจ้าอาวาสก็นั่งพูดคุยกัน และตกลงว่าจะให้ชาวบ้านยืมเงินไปก่อน ซึ่งช่วงนั้นวัดยังไม่มีการก่อสร้างอะไร ก็เหมือนช่วยชาวบ้านหนองเข้ไปอีกทางหนึ่ง โดยวัดนั้นช่วยชาวบ้านหนองเข้ให้แต่ต้นเงินที่กู้เงินล้านมาทุกราย แต่ดอกเบี้ยเงินให้ชาวบ้านไปหาดอกเบี้ยเงินใช้หนี้กองทุนกันเองตามที่กู้กันมามากน้อย หลังจากยืมเสร็จให้นำเงินต้นมาคืนกับทางวัดหนองเข้ ตามจำนวนแต่ละรายที่ผู้ใหญ่เสนอชื่อมา โดยจะทำมาตั้งแต่ปี 2556 และ 2557” ผู้ช่วยเจ้าอาวาส กล่าว

พระครูอมรโฆสิต กล่าวว่า กระทั่งปี 2559 นายไพบูรณ์ (ขอสงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นผู้ยืมเงินวัด ได้ร้องเรียนไปยังเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องไม้ต่าง ๆ ภายในวัดจากที่มีญาติโยมนำมาถวายเพื่อสร้างกุฎิ และอื่น ๆ ภายในวัด จนมีเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ และมีการจับกุมตัวพระครูพิศาลอุทัยกิจ ซึ่งเรื่องนี้ได้เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย จนศาลมีคำสั่งตัดสินจำคุก 4 ปี 9 เดือน

ผู้ช่วยเจ้าอาวาส กล่าวอีกว่า จากนั้นเจ้าอาวาสได้ต่อสู้คดีในชั้นศาลอุทธรณ์จนศาลได้ยกฟ้องรอลงอาญามาถึงปัจจุบัน และวัดได้หยุดการปล่อยเงินยืมให้กับชาวบ้าน หลังจากที่โดนจับเรื่องไม้ และต่อสู้คดีที่ศาลจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งการที่วัดหยุดให้ยืมเงินอาจทำให้ชาวบ้านบางกลุ่มเกิดความไม่พอใจ โดยนายไพบูรณ์ยังได้ร้องไปยังศูนย์ดำรงธรรมว่าวัดปล่อยเงินกู้ผิดระบบ ซึ่งมันไม่ตรงประเด็นกับที่วัดช่วยชาวบ้านให้ชาวบ้านยืมเงินไปใช้หนี้

พระครูอมรโฆสิต กล่าวด้วยว่า โดยเจ้าอาวาสและอาตมา คิดกันว่าชาวบ้านช่วยพระ พระก็ต้องช่วยชาวบ้าน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้มาตรวจสอบเรื่องเงินดังกล่าว ก็ไม่พบเป็นความจริงอย่างที่มีการร้องเรียน ซึ่งอาจจะสร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มพวกนี้เป็นอย่างมากหรือไม่ ซึ่งประเด็นนี้คืออีกสาเหตุหนึ่ง

พระครูอมรโฆสิต กล่าวต่อว่า และ 3.เกี่ยวกับเรื่องการที่มี อบต.ท่านหนึ่งในพื้นที่ นำรถไปไถที่ทำลายทรัพย์สินของ นางรุ้ง (นามสมมติ) ที่ได้เข้ามาช่วยเหลืองานต่าง ๆ ภายในวัดเมื่อมีงาน และบางครั้งก็มาทำครัว เก็บกวาดวัด หลังจากที่นางรุ้งมีเรื่องกับอบต.ท่านนี้ ก็ได้มีการแจ้งความขึ้นศาลจังหวัดอุทัยธานี จนทำให้อบต.ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับนางรุ้ง

“ซึ่งทั้งหมดนี้อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้บางคนที่ไม่พอใจอาตมาและเจ้าอาวาส นำยาฆ่าหญ้ามาใส่ถังน้ำ ซึ่งกลุ่มพวกนี้คงต้องการมาข่มขวัญและข่มขู่พระในวัดหนองเข้ รวมถึงญาติโยมที่เกี่ยวข้องกับวัดให้เกิดความหวาดกลัว ทั้งนี้ วัดยังมีบัญชีเกี่ยวกับการยืมเงินวัด ซึ่งยังมีคนอีกจำนวนหนึ่งไม่นำเงินมาคืน โดยมีการเซ็นสัญญาไว้ ซึ่งนายไพบูรณ์เป็นผู้เขียนหนังสือสัญญา และผู้ใหญ่บ้านรับรู้ อีกจำนวนนับล้านบาท” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัด กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน