ผกก.โคราช สั่งสอบย้อนหลัง คดีจับลิขสิทธิ์ เตรียมแจ้งข้อหาคนล่อซื้อกระทง
จากกรณีมีกลุ่มบุคคลอ้างเป็นตัวแทนบริษัท พอส์อิงค์ จำกัด และ บริษัท ซาน-เอ็กซ์ จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนชื่อดัง จำนวน 25 แบบ อาทิ ริลัคคุมะ, ซูมิโกะกูราชิ, มาเมะโกมะ ฯลฯ ได้แจ้งความร้องทุกข์ กล่าวโทษ “ น้องอ้อม ” นามสมมติ หญิงสาวอายุ 15 ปี นักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษาแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา
โดยกล่าวหาละเมิดลิขสิทธิ์รูปตัวการ์ตูน “ ริ-ลัค-คุ-มะ ” หรือ “ หมีขี้เกียจ ” และ “ แมวการ์ฟิลด์ ” และเรียกร้องเงิน 5 หมื่นบาท เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ได้เจรจาไกล่เกลี่ยลดเหลือ 5 พันบาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ในพื้นที่รับผิดชอบ สภ.เมือง นครราชสีมา
ล่าสุดพบว่า บริษัท ที.เอ.ซี คอมซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะตัวแทนลิขสิทธิ์ ในฐานะตัวแทนลิขสิทธิ์ ของบริษัท ซาน-เอ็กซ์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ได้ทำหนังสือชี้แจงว่า ไม่มีการมอบหมายให้ผู้ใดทำการจับลิขสิทธิ์ผิดกฎหมาย ตามข่าวที่ปรากฏแต่อย่างใด
ต่อมาเมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 5 พ.ย. พ.ต.อ.คเชนทร์ เสตะปุตตะ ผกก.สภ. เมือง ฯ เปิดเผยว่า เพิ่งทราบข่าวจากสื่อ มีกลุ่มบุคคลแอบอ้างโดยออกตระเวนหากินกับเหยื่อตามต่างจังหวัด ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติการณ์ดังกล่าวกับบริษัท ฯ เจ้าของลิขสิทธิ์ เพื่อให้ยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษร หากเป็นจริง ถือเป็นการแอบอ้างทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัท ฯ เสียหาย การดำเนินคดีเป็นสิทธิโดยชอบของบริษัท ฯ ส่วนวิธีการต่างๆ ที่เรียกเอาเงินจากเหยื่อเข้าข่ายการขู่กรรโชกทรัพย์ค่อนข้างชัดเจนและตามที่มีเหยื่อออกมาร้องขอความเป็นธรรมอีก 4 ราย
โดยถูกกลุ่มบุคคลแอบอ้างเรียกรับเงิน พฤติการณ์คล้ายกับน้องอ้อมและน่าจะเป็นกลุ่มบุคคลเดียวกัน จึงได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนและเสมียนประจำวันเร่งตรวจสอบสำนวนย้อนหลังในระยะเวลา 60 วัน มีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษหรือลงบันทึกประจำวันในการยอมความหรือไม่
ตำรวจ สภ.เมือง นครราชสีมา ยินดีให้ความเป็นธรรมและอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ สามารถมาพบขอคำปรึกษาตนได้ที่ห้องทำงาน ผกก.สภ.เมือง ฯ ชั้น 2 ส่วนการล่อซื้อโดยว่าจ้างให้ทำลิขสิทธิ์ของตัวเองแล้วจับดำเนินคดีถือเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย กำลังพิจารณาแจ้งข้อกล่าวอีกกระทง
อย่างไรก็ตามตนได้กำชับให้พนักงานสอบสวนใช้ดุลยพินิจและไตร่ตรองให้รอบครอบการดำเนินคดีข้อกล่าวหาละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำ โดยเฉพาะการอ้างเป็นตัวแทนบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์ เบื้องต้นได้ตรวจสอบไม่พบผู้ใต้บังคับบัญชามีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
