สุดเวทนา! แม่ชรา ล่ามโซ่ลูกพิการทางสมอง ตอนเก็บผักเลี้ยงชีพ ห่วงถ้าตายไม่มีคนดูแล

วันที่ 16 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครอบครัวหนึ่ง 2 แม่ลูกฐานะยากจนกำลังได้รับความเดือดร้อน โดย แม่ชรา แล้วจำเป็นต้องจับลูกชายมีอาการทางสมองล่ามโซ่ขังไว้ในบ้านก่อนออกไปหาเก็บผักใกล้บ้าน นำไปขายเลี้ยงชีพ

พบ น.ส.นกแก้ว ผะอบทอง อายุ 71 ปี พักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 96/2 หมู่ 4 ต.ลำสมพุง อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ตั้งอยู่ริมถนนสายลำสมพุง-เขาน้อย เป็นบ้านหลังเล็กๆ สภาพภายในซอมซ่อ ได้ยินเสียงชายหนุ่มตะโกนโหวกเหวกโวยวายจับใจความไม่ได้ว่าพูดอะไร ในบางครั้งส่งเสียงร้องเป็นเพลงแต่ก็ฟังไม่รู้เรื่องเช่นกัน

เมื่อเปิดประตูลูกกรงเหล็กเข้าไปถึงผงะกับกลิ่นเหม็นตลบอบอวล จากกลิ่นอุจจาระกลิ่นปัสสาวะ และกลิ่นสาปจากฟูกผ้าห่มที่นอนที่กองหมักหมมอยู่ในห้องดังกล่าว และต้องตื่นตกใจเมื่อพบเห็นชายหนุ่มสภาพสวมใส่โสร่ง เสื้อยืดคอกลม ที่ส่งเสียงอยู่นั้นถูกพันธนาการด้วยโซ่ขนาดใหญ่ล็อกด้วยแม่กุญแจถึง 2 ลูก ล่ามไว้กับเสาเหล็กค้ำยันขื่อหลังคากลางบ้าน เมื่อชายดังกล่าว พบเห็นคนแปลกหน้ามีอาการตื่นตกใจเล็กน้อย แต่ไม่มีทีท่าต่อต้านใดๆ

น.ส.นกแก้ว เปิดเผยชีวิตแสนรันทดของครอบครัวตนเองว่า ตนมีครอบครัวสามีชื่อนายสวิง สบายถิ่น (เสียชีวิต) นานแล้ว มีลูกด้วยกันหนึ่งคนคือ นายศุภชาติ สบายถิ่น อายุ 27 ปี ลูกชายมีความไม่ปกติมาตั้งแต่กำเนิด ไม่ได้เรียนหนังสือ เคยพาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใน จ.นครราชสีมา แพทย์ระบุ เป็นบุคคลวิกลจริต และต้องรับยาเป็นประจำ

เมื่อสามีเสียชีวิตลงตั้งแต่ปี 2551 ตนก็เลี้ยงดูนายศุภชาติ มาเพียงลำพังคนเดียว ก่อนหน้านี้ไม่ได้จับล่ามโซ่ไว้ ลูกชายมักหลบหนีไปตามป่า-เขา เกรงหลงป่าได้รับอันตราย ที่สำคัญ จะไปที่ร้านค้าในหมู่บ้านหยิบฉวยสิ่งของในร้านประเภท บุหรี่ อาหารสำเร็จรูปและอื่นๆ เป็นจำนวนมาก เจ้าของร้านไม่รู้จะทำอย่างไร ตนจึงต้องตามไปชดใช้อยู่เสมอๆ ทำให้มีความจำเป็นต้องจับล่ามโซ่ไว้ในบ้าน นานหลายปีมาแล้ว

น.ส.นกแก้ว เล่าต่อไปว่า ครอบครัวตนสองแม่ลูกไม่มีรายได้ใดๆ ตนคงรับเบี้ยคนชราจำนวน 600 บาท ส่วนนายศุกชาติ ได้รับเบี้ยคนพิการ 800 บาท ไม่เพียงพอต่อการครองชีพ ตนต้องออกไปเก็บพืชผักใกล้บ้านนำไปขายตามตลาดนัดชุมชนใกล้บ้านได้วันละ 100 บาทเศษ นำมาซื้อหาเลี้ยงชีพ

ขณะที่ตนออกไปเก็บผัก ก็จำเป็นต้องล่ามโซ่นายศุภชาติขังไว้ในบ้าน เมื่อปวดอุจจาาระ ก็จะขับถ่ายใส่ถุง ปัสสาวะก็จะใส่ขวดไว้ เมื่อตนกลับจึงนำไปทิ้งนำตัวไปอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย แต่ในบางครั้ง นายศุภชาติ ก็จับสิ่งที่ตนขับถ่ายออกมาโยนทิ้งออกมานอกบ้าน เลอะเทอะส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ

น.ส.นกแก้ว กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ที่ตนร้องทุกข์ผ่านสื่อมวลชนครั้งนี้ วัตถุประสงค์ต้องการให้หน่วยงานด้านสังคมสงเคราะห์ของทางราชการ มารับตัวนายศุภชาติ ลูกชายไปดูแล เพราะตนก็อายุมากแล้ว ไม่รู้เมื่อไหร่จะจากโลกนี้ไป ห่วงลูกชายที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้จะไม่มีใครดูแล ตนมั่นใจว่าทางการจะไม่ทอดทิ้ง และสามารถดูแลลูกชายได้ดีกว่าตน

สำหรับผู้ประสงค์จะช่วยเหลือครอบครัว น.ส.นกแก้ว และลูกชายสามารถ ช่วยเหลือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 061-5418417

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน