วันที่ 25 เม.ย. นางเบญจวรรณ เชื้อสายใจ อายุ 37 ปี ผู้เป็นแม่ของน้องฟลุ๊ค เด็กชายอายุ 9 ปี ที่ถูกนายนายขุนทอง ขันจำนงค์ อายุ 36 ปี ผู้เป็นพ่อ ใช้ปืนลูกซองยาวยิงศีรษะเสียชีวิตภายในบ้านพักเมื่อคืนวันที่ 23 เม.ย. ที่ผ่านมานั้น ได้เดินทางมาที่สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาคร พร้อมกับครอบครัว เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมต่อ พ.ต.ท.สมรภูมิ สุขโพธิ์ สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร โดยทางด้านของนางเบญจวรรณนั้น ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆ ในขณะนี้ เพราะว่ายังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและต้องสูญเสียลูกชายไป

ขณะที่นายมิ่ง เชื้อสายใจ อายุ 55 ปี ตาของน้องฟลุ๊ค ได้นั่งเฝ้าดูกระถางธูปเชิญดวงวิญญาณของน้องฟลุ๊คไม่ให้ดับ และกล่าวว่า หลังจากทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งตา ยาย แม่ และพี่สาวของฟลุ๊คทุกคนต่างตกใจ จากนั้นก็รีบให้คนข้างบ้านช่วยขับรถยนต์กระบะพาลงมาที่ จ.สมุทรสาครทันที มาถึงบ้านที่เกิดเหตุก็ประมาณ 1 ทุ่มตรงของวันที่ 24 เม.ย. แล้วก็ไปที่วัดโกรกกรากเพื่อไปดูหน้าหลานชายคนเดียวเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะทำการสวดศพ แล้วก็เผาศพไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. เนื่องจากมีพระแนะนำว่า เด็กที่เสียชีวิตนั้นอายุยังไม่ถึง 10 ปี ต้องทำการเผาทันทีดวงวิญญาณจะได้ไปสู่สุคติ

แต่ทั้งนี้ทางครอบครัวของตน ซึ่งเป็นคนลำปางนั้น ก็มีความเชื่อตามประเพณีชาวเหนือว่า จะต้องทำการสวดพระอภิธรรมอีก ดังนั้นจึงได้นำเถ้ากระดูกของหลานชายและรูปถ่าย พร้อมกับกระถางธูป เชิญดวงวิญญาณกลับไปทำพิธีสวดตามประเพณีของคนเหนือ แต่จะเป็นกี่คืนนั้นก็คงต้องรอปรึกษากับทางแม่และญาติๆ ที่ จ.ลำปางก่อน ส่วนผู้ที่ก่อเหตุนั้น ไม่มีใครยอมให้อภัยในสิ่งที่เกิดขึ้น

นายมิ่ง กล่าวว่า สำหรับลูกเขยที่ก่อเหตุนั้น ปกติเมื่อขึ้นไปหาภรรยาและลูกๆ ก็จะมีนิสัยที่ดี ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน และเป็นคนที่รักเมียและลูกทั้งสองคนเป็นอย่างมาก แต่จะมีนิสัยเสียตรงที่ชอบดื่มสุราอย่างหนัก ส่วนสาเหตุที่ลูกสาวของตนกลับมาอยู่บ้านที่ จ.ลำปางและไม่ยอมกลับมาอยู่กับนายขุนทองที่สมุทรสาคร เพราะว่า ลูกสาวของตนต้องกลับมาช่วยพ่อแม่ค้าขายและคอยดูแลพ่อแม่ที่แก่เฒ่า ซึ่งเคยชวนให้นายขุนทองมาอยู่ด้วยกัน

แต่นายขุนทองก็มาอยู่ได้ไม่นาน เพราะไม่มีงานทำ จึงกลับมาหางานทำที่บ้านเกิดใน จ.สมุทรสาคร ต่อมานายขุนทอง ได้พยายามชวนให้เมียพาลูกลงมาอยู่ที่สมุทรสาคร แต่เมียไม่ยอมพาลูกลงมาเพราะถ้ามาก็ไม่มีงานอะไรให้ทำ จะค้าขายก็ไม่พอกินเนื่องจากค่าใช้จ่ายสูง อีกทั้งยังต้องส่งลูกทั้งสองคนเรียน รวมถึงไม่มีใครดูแลพ่อแม่

เมื่อนายขุนทองว่างก็จะขึ้นไปหาลูกและรับลูกชายคนเล็กที่นายขุนทองรักมาก และลูกชายก็รักนายขุนทองมาก ลงมาบ้านย่าที่ จ.สมุทรสาครด้วยกัน พอใกล้เปิดเทอมก็จะกลับไปส่งที่ จ.ลำปางเป็นเช่นนี้มากว่า 1 ปีแล้ว จึงไม่มีใครคาดคิดว่านายขุนทองจะมาฆ่าลูกชายตัวเองที่เป็นดั่งหัวแก้วหัวแหวน หลังเกิดเหตุทุกคนก็ร้องไห้แบบข้ามวันข้ามคืน และตนเองยังคิดว่าการปล่อยให้หลานชายคนเดียวลงมาในครั้งนี้ เป็นการส่งหลานมาตาย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน