คนขับช็อก ซิ่งกระบะชนเด็ก ป.4 หน้าโรงเรียน ขณะวิ่งข้ามทางม้าลายร่างลอย เพื่อนตกใจสุดขีด
เมื่อเวลา 07.45 น. วันที่ 23 ธ.ค. พ.ต.ท.พงศกร ธนะวัง สารวัตร(สอบสวน) สภ.แม่สอด จ.ตาก รับแจ้งเหตุรถกระบะชนเด็กนักเรียนวิ่งข้ามถนนอาการสาหัส เหตุเกิดที่ประตูทางเข้าออกโรงเรียนบ้านแม่ปะใต้ หมู่ที่ 3 ตำบลแม่ปะ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก หลังรับแจ้งเหตุตำรวจพร้อมหน่วยกู้ชีพแม่สอดและรถพยาบาลต้องรีบเดินทางไปช่วยเหลือ
ที่เกิดเหตุเป็นถนนย่านใจกลางหมู่บ้าน โดยที่กลางถนนกลางทางม้าลายติดกับประตูเข้าออกด้านข้างของโรงเรียน พบกลุ่มชาวบ้านและเด็กนักเรียนจำนวนมากมารุมล้อมมุงดูเหตุการณ์จนการจราจรติดขัด เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพต้องกันกลุ่มไทยมุงออกนอกพื้นที่เกิดเหตุ ก่อนพบร่างเด็กหญิงเด็กหญิงมะลิ (นามสมมุติ) อายุ 11 ขวบ นักเรียนนานาชาติสัญชาติเมียนมา ประจำโรงเรียนบ้านแม่ปะใต้ นอนอยู่กลางถนนซึ่งเป็นทางม้าลายคนข้ามในสภาพนอนสลบแขนขาหักศีรษะแตกมีบาดแผลฉกรรจ์อาการสาหัส
กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
หน่วยกู้ชีพต้องเปิดปฎิบัติการเร่งช่วยชีวิตกลางถนน ก่อนนำตัวส่งห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลแม่สอดอย่างเร่งด่วน ท่ามกลางกลุ่มไทยมุงและเพื่อนนักเรียนจำนวนมากที่ต่างส่งกำลังใจให้เพื่อนร่วมโรงเรียนเดียวกันปลอดภัย
ขณะเดียวกันที่ริมถนนติดกับรั้วโรงเรียน พบรถยนต์กระบะโตโยต้า สีเขียว สภาพเก่า หมายเลขทะเบียน บง-9521 ตาก ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ชนเด็กนักเรียน สภาพรถมีรอยยุบที่ด้านหน้ารถ ส่วนภายในรถพบตัวนายเอกสิทธิ์ ทัพสิทธิ์ อายุ 49 ปี เป็นคนขับไม่ได้รับบาดเจ็บแต่ตกอยู่ในอาการตกใจสุดขีด เจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปช่วยปรับสภาพจิตใจพร้อมเชิญตัวไปสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรแม่สอด
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ขณะเกิดเหตุเป็นชั่วโมงเร่งด่วนการจราจรบนถนนสายโรงเรียนบ้านแม่ปะใต้มาอำเภอแม่สอด การจราจรค่อนข้างหนาแน่น และมีนักเรียนเดินข้ามทางม้าลายเข้าออกโรงเรียนแห่งนี้เป็นจำนวนมาก
ซึ่งขณะนั้นเด็กหญิงมะลิ เพิ่งเดินทางเข้าไปในโรงเรียนก่อนนาทีต่อมาเด็กหญิงมะลิ จะวิ่งข้ามถนนที่ทางม้าลายหน้าประตูด้านข้างโรงเรียนเพื่อจะไปซื้อขนมที่ร้านค้าฝั่งตรงข้ามทางม้าลาย แต่โชคร้ายที่ระหว่างวิ่งไปได้แค่ครึ่งทางม้าลายก็ถูกรถยนต์กระบะคู่กรณีที่ขับมาด้วยความเร็วพุ่งชนร่างเด็กหญิงลอยกระเด็นไปต่อหน้าต่อตากลุ่มเพื่อนนักเรียนและชาวบ้านหลายคนถึงกับตกใจที่เห็นอุบัติเหตุในครั้งนี้
ซึ่งล่าสุดอาการของเด็กหญิงพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่แพทย์ยังคงต้องดูแลอาการอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง
