กรณีการเรียกร้องสิทธิ์การเลี้ยงดู ด.ญ.หนึ่ง และด.ญ.สอง (นามสมมุติ) คู่ฝาแฝด วัย 7 ขวบ ระหว่างฝ่ายพ่อ และป้า ยายของเด็ก เนื่องจากแม่เด็กแฝดเสียชีวิตตอนคลอด ทำให้ป้าและยายเป็นฝ่ายดูแล ต่อมาฝ่ายผู้เป็นพ่อได้กลับมาขอทำหน้าที่พ่อรับเด็กแฝดทั้ง 2 คนกลับไปดูแล ทำให้ยายและป้าไม่ยอม แต่สุดท้ายผู้เป็นพ่อก็สามารถนำตัวเด็กทั้งสองกลับไปเลี้ยงดู ตามที่เคยนำเสนอไปแล้วนั้น

 

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 เม.ย. ที่ กองปราบปราม นางเสาว์ พวงท้าว อายุ 67 ปี ชาว จ.ศรีษะเกษ พร้อมด้วยนายอนุสรณ์ อะสุระพงษ์ ทนายความ เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.เฉลิมพร ลาสอน รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ป. เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เนื่องจากเกรงว่า ด.ญ.หนึ่ง และ ด.ญ.สอง (นามสมมุติ) คู่ฝาแฝด วัย 7 ขวบ หลานฝาแฝดทั้ง 2 คนนั้นจะได้รับการเลี้ยงดูไม่ดีและถูกกระทำรุนแรง จากนายสุรชัย พลอยไป พ่อของเด็ก

 

โดยนางเสาว์ กล่าวว่า ที่ต้องเดินทางมากองปราบปรามในวันนี้ ก็เพื่อต้องการที่จะขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเป็นคนกลางในการเชิญตัวนายสุรชัย อดีตลูกเขย ให้มาพบ เนื่องจากอยากเห็นหน้าหลานสาวทั้ง 2 คน เพราะหลังจากที่นายสุรชัยพา หลานสาวของตนทั้ง 2 คนกลับดูแลเองแล้วนั้น ตนก็ไม่เคยได้พบเห็นหน้าหลานสาวทั้ง 2 คนอีกเลย จึงทำให้รู้สึกเป็นห่วง เพราะตนเลี้ยงดูประคบประหงมหลานทั้ง 2 คนมาตั้งแต่เกิด อีกทั้งตลอดช่วง 7 ปี ที่ผ่านมา นายสุรชัย เองนั้นก็ได้มาพบหลานสาวทั้ง 2 คนและให้เงินช่วยเหลือ 5,000 – 10,000 บาท ต่อปีเท่านั้น โดยไม่เคยแสดงตนจะเป็นผู้ดูแลอย่างจริงจังแต่อย่างใด

 

นอกจากนี้ตนยังทราบอีกว่าปัจจุบันฐานะของนายสุรชัย ก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก อีกทั้งยังมีบุตรชายจากภรรยาอีกคนที่ต้องเลี้ยงดู รวมถึงครอบครัวทางอดีตลูกเขยไม่มีผู้หญิงอยู่ในครอบครัวเลยนอกจากภรรยาใหม่ที่อายุเพียง 20 ปี ทำให้กังวลว่าอาจดูแลหลานสาวทั้งสองคนได้ไม่ดี ส่วนการนัดเจรจากับอดีตลูกเขยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานั้นที่ตนเองไม่ได้เดินทางไปเนื่องจากมีอาการปวดท้อง ทำให้ไม่สามารถเดินทางไปร่วมเจรจาได้ และตนเองก็ไม่ได้อยากเจอทนายความ แต่อยากเจอหน้าหลานสาวทั้งสองคน

 

ด้านนายอนุสรณ์ กล่าวว่า ในวันนี้มาลงบันทึกประจำวัน และขอให้ตำรวจเชิญตัวอดีตลูกเขยของคุณยาย โดยขอให้นำเอกสารหลักฐานแสดงความเป็นพ่อเด็กและเอกสารรับรองบุตร หรือคำสั่งศาลมาแสดงต่อพนักงานสอบสวน เนื่องจากที่ผ่านมาทางครอบครัวคุณยายไม่เคยเห็นเอกสารเหล่านี้เลย แม้กระทั่งใบทะเบียนสมรส

 

ด้าน ร.ต.อ.เฉลิมพร กล่าวว่า เบื้องต้นได้ทำการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานตามความประสงค์ของนางเสาว์ เนื่องจากความเป็นความห่วงหลานสาวทั้ง 2 คน แต่เนื่องจากกรณีดังกล่าวนั้นยังไม่พบการกระทำความผิดเกี่ยวกับคดีอาญาเกิดขึ้น จึงยังไม่สามารถที่จะเชิญตัวนายสุรชัยมาเข้าพบได้ อย่างไรก็ตามเพื่อให้เกิดความสบายใจกับทั้ง 2 ฝ่ายตนจึงแนะนำให้นางเสาว์ นั้นไปติดต่อปรึกษากับทางเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวโดยตรง จะดีกว่า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน