แม่โวยเด็กนักเรียนถูกกิ่งไม้ตกใส่หัวต้องผ่ากะโหลก ด้านรองผอ.เขตประถมศึกษาเขต 1 สุรินทร์ ไม่ได้นิ่งนอนใจ เร่งประสานไกล่เกลี่ยกันยังไม่เป็นผล เตรียมร่อนหนังสือมาตรการรักษาความปลอดภัยในโรงเรียนทุกแห่งและกำชับเข้มพิเศษ

เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียน จากนางมุขรินทร์ มุ่งดี อายุ 43 ปี ชาวอ.จอมพระ จ.สุรินทร์ ว่าลูกชายนายจิรวัฒน์ อายุ 16 ปี ถูกกิ่งไม้ขนาดใหญ่หักลงมาใส่ศีรษะ หลังครูสอนวิชาพละศึกษาและสุขศึกษา โรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.ชุมแสง ใช้ให้ขึ้นไปตัดกิ่งไม้ แล้วมีเลือดคั่งในสมองจนแข็งตัว ต้องรีบผ่าตัดอย่างเร่งด่วน ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่บ้านเลขที่ 46. ม.6 บ.สมบูรณ์ ต.ชุมแสง อ.จอมพระ จ.สุรินทร์

นางมุขรินทร์ มุ่งดี กล่าวว่า ลูกชาย คือนายจิรวัฒน์ อายุ 16 ปี ชั้นม.4 ถูกครูชำนาญการพิเศษ สอนวิชาพละศึกษาและสุขศึกษา โรงเรียนในต.ชุมแสง ใช้ให้ลูกชายของตนและเพื่อนนักเรียน ซึ่งขณะนั้นเรียนอยู่ชั้น ม.3 ที่ฌรงเรียนอีกแห่ง ช่วยกันตัดกิ่งไม้ เพื่อจะทำสนามตะกร้อ ลอดห่วง เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2559 เวลาประมาณ 11.00 น. ด้วยการใช้เชือกมัดโยงกิ่งไม้เพื่อช่วยกันดึงให้กิ่งไม้หักร่วงลงมา ทันใดนั้นกิ่งไม้ขนาดใหญ่ได้หักและเหวี่ยงตกลงมา กระเด็นไปโดนศีรษะของลูกชายอย่างจัง ซึ่งขณะนั้นลูกชายรู้สึกเพียงเจ็บและชา ยังไม่ออกอาการอะไรมากนัก พอพักเที่ยงจึงไปกินข้าวและรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรง

จากนั้นบ่ายๆครูจึงพาไปรักษาที่โรงพยาบาลจอมพระ ซึ่งไม่ได้แจ้งให้ผู้ปกครองทราบแต่อย่างใด จนเวลาประมาณ 14.30 น. โรงพยาบาลจอมพระจึงโทรศัพท์มาบอกตนเองทราบ ว่าอาการของลูกชายนั้นมีเลือดคั่งในสมองจนแข็งตัว ต้องรีบผ่าตัดอย่างเร่งด่วน เพราะการส่งตัวมารักษาที่ล่าช้าเกินไป

หลังจากผ่าตัดหัวกะโหลกไปกว่าครึ่งหัว เย็บไป 40 กว่าเข็ม ลูกชายมีอาการสั่น ตนและสามี คือนายเตย มุ่งดี อายุ 41 ปี ต้องคอยเช็ดตัวดูแลถึง 2 วัน 2 คืน ไม่ได้หลับได้นอน และต้องนอนรักษาตัวที่รพ.ถึง 8 วัน ซึ่งระหว่างนอนรักษาตัวครูที่โรงเรียนก็มาเยี่ยม หลังจากกลับมาพักรักษาอยู่ที่บ้านประมาณ 2-3 อาทิตย์ คณะครู จึงพากันมาผูกข้อไม้ข้อมือเรียกขวัญ รวมเงินที่รวบรวมได้ประมาณ 10,100 บาท และต้องหยุดเรียนไปถึง 4 เดือนเพื่อรักษาตัว

จากนั้นได้นัดเจรจากันหลายครั้ง โดยให้ผู้ใหญ่บ้านเป็นตัวกลาง แต่ครูและโรงเรียนก็อ้างว่าติดธุระหลายครั้ง จนเวลานานผ่านไปหลายเดือนเรื่องที่จะช่วยเหลือเยียวยาลูกชายก็ไม่เห็นมีใครมาช่วยเหลือดูแล เพราะอนาคตลูกชายไม่รู้จะใช้ชีวิตได้ตามปกติหรือไม่ในอนาคต

ปัจจุบันถึงลูกจะเดินได้ตามปกติ และไปโรงเรียนตามปกติได้แล้ว แต่ก็ไม่สามารถยืนอยู่กลางแดดได้นาน มีอาการคล้ายคนหูดับ ฟังอะไรไม่ชัดเจน จึงเป็นห่วงอนาคตเขา อย่างน้อยทางโรงเรียนก็มาช่วยเหลือดูแลบ้างก็ยังดี จึงได้ตัดสินใจฟ้องศาล ซึ่งศาลก็นัดไกล่เกลี่ยมาแล้วถึง 2 ครั้ง ครอบครัวเรียกเงินไป 3 แสน แต่ทางครูก็ไม่ยอม จึงคงต้องฟ้องศาลเพื่อเรียกค่าเสียหายต่อไป ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองลีงที่รับผิดชอบ ก็ได้เพียงลงบันทึกประจำวันไว้ บอกเพียงว่าครอบครัวผู้เสียหายต้องไปเรียกร้องกันเอาเอง ตนอยากให้ครูและทางโรงเรียนแสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย

ล่าสุดวันเดียวกันนี้ เวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 1 อ.เมือง จ.สุรินทร์ เพื่อติดตามคืบหน้ากรณีดังกล่าว ซึ่งนายเปโส ขบวนดี รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 1 ดูแลรับผิดชอบด้านวินัยและนิติกร เปิดเผยว่า ทางผู้ปกครอง ได้ฟ้องกระทรวงศึกษาธิการและโรงเรียน

ส่วนคุณครูก็ได้ถอนฟ้องไปแล้ว เรียกค่าเสียหาย 5 แสนบาท ซึ่งทางคณะครูของโรงเรียนดังกล่าวก็ได้เยียวยาเงินไปแล้วส่วนหนึ่ง ซึ่งผู้ปกครองก็ให้ทนายแก้ต่างให้และเรียก 5 แสน ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการไกล่เกลี่ยของศาล ซึ่งก็ยังไม่เป็นผล จึงอยู่ในขั้นตอนไต่สวนของศาลต่อไป ซึ่งทางครูเองก็ไม่ได้เจตนาทำให้นักเรียนได้รับบาดเจ็บ จึงต่อรองราคาลงมา ซึ่งครูก็ปฏิบัติหน้าที่ให้นักเรียนมาช่วยเหลือกิจกรรมและความเรียบร้อยในโรงเรียน เป็นการช่วยเหลือครูในการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ เป็นเหตุสุดวิสัย

ซึ่งโรงเรียนทุกแห่งสามารถที่จะให้นักเรียนปฏิบัติงานช่วยเหลือคุณครูโรงเรียน เป็นเรื่องปกติที่ทุกโรงให้นักเรียนช่วยเหลือคุณครูในกิจกรรมต่างๆ อยู่แล้ว ทางหน่วยงานเองก็มีหนังสือกำชับให้ดูแลความเรียบร้อยมีมาตรการในการดูแลในความปลอดภัยของนักเรียนของโรงเรียนอยู่แล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างไกล่เกลี่ยกัน เรื่องดังกล่าวรายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ทราบแล้ว ซึ่งผู้ว่าก็ลงพื้นที่ไปดูที่เกิดเหตุแล้ว

ถ้ามีการเจรจาต่อรองราคาลงมาได้อีกก็น่าจะตกลงกันได้ ซึ่งเราไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามประสานผู้ปกครอง ทางทนายผู้เสียหายมาโดยตลอด ทั้งนี้ ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 1 ก็ได้มีหนังสือแจ้งมาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยของสถานศึกษาในสังกัดทุกโรงอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว และในช่วงเปิดเทอมนี้ ก็จะได้กำชับให้กับโรงเรียนในสังกัดทุกแห่ง ดูแลเพื่อความปลอดภัยของเด็กนักเรียนอย่างเข้มงวดเป็นพิเศษอีกด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน