ตะลึง!เปิดเซฟพระดังหลังละสังขาร พบ ฟอสซิลช้างยักษ์ ดึกดำบรรพ์ อายุหลายล้านปี เผยพบซากฟอสซิลอัดแน่นเต็มตู้ เตรียมแจ้งกรมทรัพยากรธรณี ให้มาตรวจเก็บซากดึกดำบรรพ์ต่อไป
ฟอสซิลช้างยักษ์ / เมื่อวันที่ 30 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะพระสงฆ์และนายพิชัย พิทยาพรพิพัฒน์ ผู้ใหญ่บ้านหนองโบสถ์ ร่วมกันตรวจสอบตู้เซฟที่อยู่ภายในที่พักสงฆ์ภูเทพถาวรนิมิต ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านหนองโบสถ์ หมู่ที่ 16 ต.โคกกระชาย อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ที่เป็นของพระดำรง โชติมันโต หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า พระอาจารย์บง ซึ่งละสังขารไปเมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา ด้วยโรคมะเร็ง และทำพิธีฌาปนกิจเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 27 ม.ค.เพื่อเตรียมนำข้าวของส่งคืนให้ญาติพี่น้อง
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
แต่เป็นที่น่าประหลาดใจอย่างมาก เนื่องจากพบว่าภายในตู้เซฟนั้นเต็มไปด้วยฟอสซิลสัตว์ดึกดำบรรพ์เป็นจำนวนมาก พร้อมเอกสารหลักฐานการแจ้งผลการตรวจสอบและการครอบครองฟอสซิลดังกล่าวจากสำนักคุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ กรมทรัพยากรธรณี ที่ระบุว่าฟอสซิลส่วนใหญ่นั้นเป็นชิ้นส่วนฟันช้างโบราณ ที่มีอายุยาวนาน
สำหรับชิ้นส่วนซากดึกดำบรรพ์ที่พบดังกล่าว และมีหลักฐานยืนยันผลการตรวจสอบของกรมทรัพยากรธรณี มีทั้งสิ้นจำนวน 40 ชิ้น เป็นชิ้นส่วนช้างโบราณจำพวก สเตโกดอน (Stegodon) และกอมโฟทีเรียม (Gomphotherium) รวม 23 ชิ้น
ส่วนที่เหลือเป็นชิ้นส่วนตะโขง เก้ง และสัตว์กีบโบราณ ทางนายพิชัย พิทยาพรพิพัฒน์ ผู้ใหญ่บ้าน จึงรายงานเรื่องนี้ไปยังทางอำเภอครบุรี รับทราบและปิดเซฟไว้ในสภาพเดิม เพื่อไม่ให้ซากดึกดำบรรพ์ดังกล่าวสูญหายไปก่อน ที่จะได้รับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบภายในวัดยังพบวัตถุที่ลักษณะคล้ายงาช้างโบราณสีดำความยาวกว่า 2 เมตร อีก 3 คู่ โดยตั้งอยู่หน้าพระประธานภายในที่พักสงฆ์ 2 คู่ และวางอยู่ภายในบริเวณวัดอีก 1 คู่ แต่ไม่มีหลักฐานเอกสารใดๆ ที่ระบุถึงวัตถุคล้ายงาช้างทั้งหมด
จากการสอบถามพระแสวง สันตมโณ พระสงฆ์ที่พักสงฆ์ภูเทพถาวรนิมิต กล่าวว่า ซากดึกดำบรรพ์ดังกล่าวทางพระดำรง โชติมันโต ได้รับบริจาคมาจากเจ้าของบ่อทรายในพื้นในพื้นที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา มานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยทางพระดำรงเก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี มีการส่งไปตรวจสอบตามขั้นตอน
เมื่อท่านมรณภาพไปแล้วก็อยากที่จะเก็บรักษาเอาไว้ที่ที่พักสงฆ์แห่งนี้ เพื่อให้ชาวบ้านและคนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อไป ตามที่พระดำรงเคยทำเรื่อยมา เมื่อทางผู้ใหญ่บ้านได้แจ้งเรื่องนี้ไปยังทางอำเภอครบุรี แล้วทางอำเภอเองก็แจ้งไปยังทางกรมทรัพยากรธรณี เพื่อให้มาตรวจสอบและวางแผนในการเก็บซากดึกดำบรรพ์เหล่านี้ให้ถูกต้องต่อไป
