แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดการฝึกอบรมเพิ่มประสิทธิภาพเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เมืองปัตตานี สร้างความเข้มแข็งให้กับภาคประชาชน พร้อมแถลงข่าวความคืบหน้าระเบิดบิ๊กซี ขณะนี้ออกหมายจับไปแล้ว รู้ตัวแล้ว 15 คน ออกหมายจับแล้ว 8 คน ชาวบ้านชี้เบาะแสคนร้ายยังหลบหนีอยู่ในพื้นที่อยู่ริมเชิงเขา ส่วนนายกอบต. โต๊ะอิหม่าม ให้การเป็นประโยชน์ปล่อยตัวแล้ว

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 17 พ.ค. ที่หอประชุม ที่ว่าการอำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานใน พิธีเปิดการฝึกอบรมให้ความรู้ในการรักษาความปลอดภัยแก่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการอำเภอเมืองปัตตานี ร่วมกับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 23, สถานีตำรวจภูธรเมืองปัตตานี, เทศบาลเมืองปัตตานี และกำลังภาคประชาชน ร่วมกันจัดขึ้น

โดยได้หารือเตรียมการปฏิบัติวางแผนร่วมกัน และกำหนดการจัดอบรมสัมมนาแผนการปฏิบัติของหน่วยในพื้นที่ เพื่อพัฒนาสัมพันธ์และฟื้นฟูการบูรณาการ ในการปฏิบัติงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ตลอดจนสร้างความมั่นใจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่พนักงานร่วมกับหน่วยงานส่วนราชการในพื้นที่ระหว่างห้างร้าน บริษัท กำลังเจ้าหน้าที่ของรัฐ และภาคประชาชน โดยมี นายวีรนันท์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี, พลตรีจตุพร กลัมพสุต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี, นายอำเภอเมืองปัตตานี, ปลัดจังหวัดปัตตานี และกำลัง ภาคประชาชน และฝ่ายรปภ. ห้าง บริษัท ต่างๆ จำนวน 300 กว่าคน ร่วมให้การต้อนรับ

พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าวว่า การขับเคลื่อนกำลังประชาชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการรักษาความปลอดภัย โดยจัดให้มีการฝึกอบรมให้ความรู้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องในการรักษาความปลอดภัย ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่เข้าอบรม ทุกคนในครั้งนี้มีหน้าที่ในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของสถานที่ ซึ่งมีความจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติขั้นต้น เพื่อเฝ้าระวังสังเกตและสกัดกั้นการเตรียมการก่อเหตุในพื้นที่โดยการสร้างความแข็งแกร่งความเข้มแข็งให้เกิดขึ้น ทำให้พื้นที่เมืองปัตตานีมีความปลอดภัยอย่างสูงสุด หรือด้วยวิธีการอื่นๆ ซึ่งจะทำให้ประชาชนมีความศรัทธา และมีความเชื่อมั่นต่อเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานและสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

ซึ่งหากทุกคนช่วยเหลือกันในการรองรับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นด้วยการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายทุกภาคส่วนถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญสูงสุดที่จะนำไปสู่ผลสำเร็จในการช่วยกันดูแลพื้นที่รวมแจ้งข้อมูลข่าวสารปฏิบัติงานตามแผนขั้นต้นดำเนินการตามขั้นตอนซึ่งสามารถจะยับยั้งหรือระงับเหตุได้ก่อนที่จะเกิดความเสียหายขึ้น

หลังจากนั้น ท่านแม่ทัพภาคที่ 4 ได้แถลงข่าว ความคืบหน้าคดีเหตุคาร์บอมบ์ห้างบิ๊กซี ว่า ในส่วนของคดีครั้งนี้คืบหน้าไปมากและรวดเร็ว ในส่วนของคนร้ายยังเป็นคนกลุ่มเดิม ยังคิดวิธีการแบบเดิมๆ ในเมื่อไม่ต้องการให้สงบ ตราบใดที่ยังทำการก่อเหตุร้าย ทำร้าย ประชาชน ทางเจ้าหน้าที่ก็ต้องพยายามตามจับให้ได้ ใช้กำลังทุกเม็ด ทุกหยด ทุกหน่วย ทุกมวล ทุกหมวด และการระวังป้องกันทั้ง 14 จังหวัด เพื่อตามล่าให้ได้ถึงที่สุด

ขณะนี้ออกหมายจับไปแล้ว รู้ตัวแล้ว 15 คน ซึ่งได้ออกหมายจับแล้ว 8 คน ทางรัฐเองต้องติดตามล่าคนร้ายจับตัวให้ได้ ประกอบด้วย 1.นายอันนุงวา กาซอ หรือ แบเลาะ เป็นคนสั่งการ 2.นายเมาลานา ส่าเมาะ ทำหน้าที่จัดหาคนก่อเหตุและกำหนดเส้นทาง 3.นายอิสมาแอล มอซู หรือ แอ จัดหารถ 4.นายอับดุลอาซิ จะปะกิยา จัดหาผู้ก่อเหตุ 5.นายมะนาเซ ไซดี หรือ นาเซ เป็นผู้รับรถและประกอบระเบิด และ 6.นายมูฮำมัด กาซอ หรือ เลาะ มีหน้าที่ประกอบระเบิด 7.นายรุสลัน ใบหมะ หรือ รุสดี และ 8.นายบูคอลี หลำโซะ ทั้ง 2 คนนี้ทำหน้าที่สังเกตการณ์

ทั้งหมดโดนข้อหาคดีความมั่นคง เเละ 8 คนอยู่ระหว่างหลบหนี ส่วนใหญ่มีหมายจับคดี ป.วิอาญา เช่น คดีวางระเบิดในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน และพื้นที่จ.ปัตตานี ซึ่งก่อนหน้านั้น ได้ออกหมายจับแล้ว 1 คน คือนายมะกอเซ็ง หม้าแอ รวมเป็น 9 คน ส่วนอีก 2 คนนั้นอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อรอออกหมายจับต่อไป แต่ 2 คนนี้ยังอยู่ระหว่างควบคุมตัวที่ศูนย์ซักถาม ค่ายอิงคยุทธบริหาร ต.บ่อทอง หนองหนองจิก จ.ปัตตานี

คดีครั้งนี้ที่คืบหน้าเพราะการที่ชาวบ้าน และประชาชนทุกฝ่ายล้วนให้ความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ จึงขอความร่วมมือให้ทุกฝ่ายได้ยึดแบบคดีในครั้งนี้ ต่อไปจะเป็นการทำงานได้ถูกต้อง ให้รัฐทำงานได้เร็วยิ่งขึ้นและถูกทางยิ่งขึ้น ในส่วนที่หลบหนีอยู่ขณะนี้รู้ตัวแล้วว่ายังเคลื่อนไหวในพื้นที่ อยู่ริมเชิงเขาชาวบ้านให้เบาะแสมาบ้างแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ต้องตามกันต่อไป ขณะนี้ทุกหน่วยทุกกำลังร่วมกันทำงานทุกฝ่าย คาดว่าจะได้ตัวมาในเร็วๆนี้

ในส่วนของนายก อบต. และโต๊ะอิหม่ามนั้นให้การที่เป็นประโยชน์และปล่อยตัวไปแล้ว ทั้งหมดเป็นไปในส่วนสืบสวนสอบสวนในส่วนของผู้นำศาสนาและท้องถิ่น ต้องจัดฝึกอบรมการป้องกัน วางแผน กระจายไปทุกหมู่บ้าน ด้วยเช่นกัน และในนโยบายพาคนกลับบ้าน ต้องเข้าใจก่อนว่าใน 100 คน อาจจะมีส่วนที่ยังคิดต่างแค่อยู่คนเดียว เป็นส่วนน้อยเท่านั้น

สำหรับโครงการนี้แน่นอนจะต้องมีการวางมาตรการเข้มขึ้น มีการคัดกรอง สกรีน และนำมาสู่การอบรมให้อยู่ในการกำกับดูแลของเจ้าหน้าที่ สำหรับคนที่อยากกลับมาทางรัฐยังเปิดโอกาสให้กลับมาเป็นคนดี ทั้งนี้จะต้องควบคู่กับคดีความ และให้เป็นไปตามกรอบกฎหมายด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน