สาวป่วยทางจิตใช้ก้อนหิน ทุบกระจกรถยนต์ 4คัน พบประวัติเคยก่อเหตุปั่นป่วนหลายครั้ง
วันที่ 3 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์วิทยุกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่191 รับแจ้งเหตุ เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 2 ก.พ. ที่ผ่านมา ว่ามีหญิงเอาก้อนหินไปขวางใส่รถยนต์ ที่จอดข้างทางกระจกเสียหาย 4 คัน บริเวณถนนเจริญราษฏร์ ต.วัดเกตุ อ.เมืองเชียงใหม่ จึงได้แจ้งให้กับตำรวจสายตรวจ สภ.แม่ปิงเชียงใหม่ ไปตรวจสอบและระงับเหตุ พร้อมด้วยชุดสิบสวนจำนวนหนึ่ง
กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
ที่เกิดเหตุพบหญิงคนดังกล่าว อยู่บริเวณที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบก้อนอิฐที่ผู้ต้องหาใช้ก่อเหตุจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนหญิงดังกล่าวมีสภาพคล้ายคนสติไม่สมประกอบ สอบถามก็ตอบไม่รู้เรื่อง ทางตำรวจได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณถนนเจริญราษฎร์ตำบลวัดเกตุ
สามารถบันทึกภาพผู้หญิงดังกล่าว สวมเสื้อสีขาวกางเกงขายาวเดินตรงเข้ามาในซอย ลักษณะทำทีล้วงกระเป๋าหาอะไรบางอย่าง ผ่านไปประมาณ 5 นาที เดินกลับมาถือก้อนหินปาไปที่กระจกรถยนต์ที่จอดอยู่ด้านข้างถนน และถือก้อนหินมาทุบกระจกซ้ำอีกหลายครั้ง จึงแน่ใจว่า หญิงที่เจ้าหน้าที่พบที่เกิดเหตุนั้นเป็นผู้ทำให้ทรัพย์สินผู้อื่นได้รับความเสียหาย
นายชวากร มังคลานิมิต อายุ 42 ปี ผู้เสียหาย กล่าวว่า คืนเกิดเหตุมาเที่ยวที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง และจอดรถยนต์ไว้ในซอยตามปกติ จากนั้นเวลาประมาณ 23.00 น. ทางร้านประกาศว่าเกิดอุบัติเหตุกับรถยนต์ของตน จึงรีบไปดูก่อนพบว่ารถยนต์ที่จอดในซอยถูกก้อนหินทุบกระจกรถ ประมาณ 4 คัน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ใกล้ได้คุมตัวผู้หญิงเสื้อสีขาวผู้ก่อเหตุไว้
“จากการสอบถามผู้ก่อเหตุทราบว่า เธอมีอาการปกติไม่เมาสุรา แต่พูดวกวน บอกว่าอยู่ดีดีก็เกิดอารมณ์หงุดหงิด โมโหควบคุมสติไม่ได้จึงก่อเหตุ ถ้าจะเอาเรื่องให้ไปฟ้องร้องที่ศาลยินยอมชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด ก่อนที่ตำรวจจะคุมตัวเธอไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรแม่ปิง ยืนยันว่าไม่รู้จักและไม่เคยมีเรื่องกับเธอมาก่อน” นายชวากร กล่าว
เบื้องต้นตำรวจสอบประวัติผู้ก่อเหตุ ระบุว่าเป็นหญิง อายุ 43 ปี มีอาการทางประสาท ภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ภาคกลางเข้ามาเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยอาศัยอยู่ที่โรงแรมในตัวเมืองเชียงใหม่ พบประวัติเคยก่อเหตุสร้างความวุ่นวายหลายพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่ แต่ไม่ถึงขั้นทำลายทรัพย์สินแบบครั้งนี้ รถยนต์ถูกเธอใช้ก้อนหินทุบกระจกเสียหายทั้งหมด 4 คัน เตรียมแจ้งข้อหาทำให้เสียทรัพย์และจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
