พบเทรนเนอร์มวยกลับจากจีน ต้องสงสัยติด ไวรัสอู่ฮั่น กักตัวดูอาการ 2 สัปดาห์ เผยเป็นชาวบุรีรัมย์เพิ่งกลับจากเซี่ยงไฮ้ช่วงตรุษจีน ก่อนมีอาการปวดหัวรุนแรง มีไข้ เฝ้าระวังคัดกรองผู้ใกล้ชิดละแวกบ้านอีก 22 คน
พ่อของหนุ่มเทรนเนอร์ ผู้ป่วยต้องสงสัย ถือภาพลูกชาย
ไวรัสอู่ฮั่น / เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีรายงานพบผู้ป่วยต้องสงสัยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ 2019 เป็นรายแรกของจังหวัด โดยผู้ต้องสงสัยรายดังกล่าวเป็นเทรนเนอร์มวยไทย ที่เพิ่งเดินทางกลับจากเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ปัจจุบันมีภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.สะแกซำ อ.เมืองบุรีรัมย์ ขณะนี้ถูกกักตัวไว้สังเกตอาการในห้องปลอดเชื้อโรงพยาบาลบุรีรัมย์
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
ซึ่งภายหลังได้รับรายงานทางสาธารณสุขจังหวัดส่งทีมควบคุมโรค ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอเมือง และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) สะแกซำ ลงพื้นที่สอบสวนผู้ป่วยต้องสงสัย ตามที่ได้รับแจ้ง ทราบว่าผู้ป่วยต้องสงสัย ชื่อ นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี อาชีพเทรนเนอร์มวยไทย ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เริ่มมีอาการป่วยวันที่ 22 ม.ค.63
โดยขณะที่ป่วยผู้ป่วยต้องสงสัยไม่ได้เดินทางไปไหน เพียงแต่อยู่ในห้องพักที่เมืองเซี่ยงไฮ้ อีกทั้งในช่วงเวลาดังกล่าว ตรงกับช่วงเทศกาลตรุษจีน และมีการระบาดของโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019
จากนั้นผู้ป่วยต้องสงสัยเดินทางกลับประเทศไทย ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 30 ม.ค.63 และเดินทางด้วยรถโดยสารปรับอากาศ ถึงบขส.บุรีรัมย์ เวลา 22.00 น. โดยมีน้องสาวและน้องเขย รอรับกลับบ้าน จากนั้นเมื่อวันที่ 31 ม.ค. ก็มีอาการไข้ ปวดศีรษะ ไอ และมีน้ำมูก จึงเดินทางไปหาหมอที่โรงพยาบาล เมื่อแพทย์ซักประวัติพบว่าเพิ่งเดินทางกลับจากจีน และมีอาการเข้าข่ายต้องสงสัย จึงกักตัวไว้สังเกตอาการในห้องปลอดเชื้อเป็นเวลา 14 วัน
จากข้อมูลพบมีผู้สัมผัสร่วมในบ้านจำนวน 3 คน คือ พ่อ แม่ และลูก แต่ขณะนี้ยังไม่มีใครมีอาการป่วย นอกจากนั้น ยังมีผู้สัมผัสละแวกบ้านอีก 22 คน เป็นญาติพี่น้อง และเพื่อนบ้าน สรุปขณะนี้มีผู้ที่ต้องเฝ้าระวังจำนวน 25 คน เป็นเวลา 14 วัน ซึ่งเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ให้คำแนะนำในการปฎิบัติตน พร้อมแจกผ้าปิดจมูก และเจลล้างมือ พร้อมทั้งได้ให้ อสม. และ รพ.สต. เฝ้าระวังเป็นเวลา 14 วัน และรายงานสถานการณ์ให้ทราบอย่างต่อเนื่อง
ด้าน พ่อของหนุ่มเทรนเนอร์ ผู้ป่วยต้องสงสัย ให้ข้อมูลว่า ลูกชายเป็นเทรนเนอร์ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ประเทศจีนประมาณ 3 ปีแล้ว ช่วงตรุษจีนที่ผ่านมาลูกชายบอกว่าอยากจะกลับบ้าน และเดินทางกลับมาเมื่อวันที่ 30 ม.ค. พอมาถึงบ้านวันที่ 31 ม.ค. ก็ทำอาหารให้ญาติพี่น้อง และเพื่อนๆ รับประทาน และดื่มฉลองกันตามปกติ กระทั่งช่วงเย็นลูกบอกว่ามีอาการปวดหัวรุนแรง และมีไข้ จึงบอกให้ไปหาหมอที่รพ. พอแพทย์ซักประวัติพบว่าเพิ่งกลับมาจากจีน และมีอาการเข้าข่ายต้องสงสัย จึงกักตัวไว้สังเกตอาการ
ส่วนครอบครัวและญาติเจ้าหน้าที่ก็มาแนะนำวิธีปฏิบัติตัว และเฝ้าสังเกตอาการที่บ้านเช่น หากมีอาการป่วยก็ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ แต่ขณะนี้ก็ยังไม่มีใครมีอาการป่วยแต่อย่างใด
