เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ที่ห้างบิ๊กซี จ.ปัตตานี นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็นประธานมอบเงินช่วยเหลือเยียวแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบ จากเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ที่ห้างบิ๊กซี เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยในวันนี้ทางด้านศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดปัตตานี มอบเงินช่วยเหลือให้กับผู้ได้รับผลกระทบด้านทรัพย์สิน จำนวน 37 ราย เป็นเงิน 830,315 บาท

สำหรับเหตุการณ์ที่กลุ่มคนร้ายได้ลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์นั้น สร้างความสูญเสียด้านทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก โดยทางศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดปัตตานี ได้สรุปความเสียหายด้านทรัพย์สิน ดังนี้ ร้านค้าภายในห้างบิ๊กซีได้รับความเสียหาย จำนวน 149 ราย แยกเป็นร้านค้าในห้าง 54 ราย รถยนต์เสียหาย 42 คัน รถจักรยานยนต์ 31 คัน อาคารบ้านเรือน 18 ราย และทรัพย์สินอื่นอีก 4 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 40 ล้านบาท ซึ่งทางศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดปัตตานี จะเร่งมอบเงินช่วยเหลือเยียวให้กับผู้ได้รับผลกระทบให้ครบทุกคนอย่างเร็วที่สุด

ในขณะที่ทางห้างบิ๊กซีได้เตรียมความพร้อมด้านสถานที่ สินค้าและการรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่จะเดินทางมาจับจ่ายสินค้า ซึ่งทางห้างจะมีการเปิดห้างเป็นวันแรกในวันพรุ่งนี้ หลังจากที่ได้รับความเสียหายจากเหตุระเบิด

นายอรุณ ทองขาว หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดปัตตานี เปิดเผยว่า ได้อนุมัติเบิกเงินทดลองจ่ายราชการเพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้ที่ได้รับผลกระทบจะได้ประเมินความเสียหายทางด้านทรัพย์สิน เบื้องต้นมีผู้มาลงทะเบียนแล้ว 37 ราย แยกเป็นกรณีและความเสียหาย มากน้อยที่จ่าย ตามความเสียหายจริงที่ผ่านการประเมินไปแล้ว

นายวีรนันทร์ เพ็งจันทร์ กล่าวว่า วันนี้การมอบเงินเยียวยาในส่วนของทรัพย์สิน สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและผู้ที่เสียชีวิต 1 ราย นั้นมีการจ่ายเงินเยียวยาไปหมดแล้ว วันนี้มาถึงส่วนของทรัพยสินผู้ที่ได้รับความเสียหาย ทั้งหมด เช่น อาคาร รถยนต์ จักรยานยนต์ เมื่อผ่านกระบวนการประเมินเสร็จแล้ว เบื้องต้นมูลค่าความเสียหายทั้งหมดอยู่ที่ 40 ล้านบาท ตอนนี้เริ่มทยอยจ่าย ส่วนของบิ๊กซี พร้อมที่จะเปิดบริการพรุ่งนี้ก็ขอให้พี่น้องประชาชน มาใช้บริการและกลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว

ส่วนของมาตรการความปลอดภัย ต้องดูแลอย่างเข้มข้นขึ้น และขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน ช่วยกันตรวจตรากันมากขึ้นเพราะเป็นเรื่องของทุกๆคน ที่ต้องร่วมกันสร้างความมั่นใจ และเพิ่มความมั่นใจให้แก่นักลงทุนภายนอกด้วย ยืนยันว่าขณะนี้เหตุการณ์เข้าสู่สภาวะปกติแล้ว

นางเตือนใจ อณุพัฒน์ อายุ 39 ปี ผู้ประกอบกิจการร้านอาหารติดลม ที่เป็นอาคารพาณิชย์ อยู่ฝั่งตรงข้ามได้รับความเสียหายอยู่ในฝั่งตรงแรงระเบิดได้ เปิดเผยว่า “ยังมีกำลังใจในการเปิดกิจการต่อไป เหตุการณ์ในพื้นที่นั้น ตนเองแม้จะตกในความหวาดกลัวที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง แต่ก็จำเป็นต้องทำมาหากินต่อไปเพราะเป็นเรื่องปากท้อง มีส่วนกระทบมากหลังจากเหตุการณ์ ลูกค้าน้อยลง รายได้ลดลง แต่พยายามองอดทนสู้ต่อไป ส่วนในเรื่องการมาตรการป้องกันนั้นให้มีการตรวจของรปภ.เข้มขึ้น ให้เพิ่มไฟสว่างเพิ่มขึ้น ตรวจดูรถทุกคันของลูกค้าทุกท่านให้สังเกต และในร้านมีการติดตั้งวงจรปิดเรียบร้อยค่ะ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน